วันเสาร์ที่ 12 ตุลาคม พ.ศ. 2556

เยือนยลอุบลราชธานี

๑๒ ตุลาคม ๒๕๕๖
"มาอุบล คราใด ใจเป็นสุข
แสนสนุก ได้เรียนรู้ ในวิถี
พลังร่วมพลังรักสามัคคี
ทุกผู้มี มิตรจิต มิตรสัมพันธ์
ฉันได้เห็น ก้าวย่าง จากเริ่มต้น
ฉันได้เห็น ผู้คน ที่มุ่งมั่น
ฉันได้เห็น สิ่งริเริ่ม ที่เบ่งบาน
ฉันได้เห็น สิ่งสร้างสรรค์ อย่างมากมาย
จึงเชื่อมั่น อนาคต วันข้างหน้า
เหล่าปัญหา ถาโถม ที่หลากหลาย
พลังร่วม รวมคน เป็นเกาะกาย
จะทำลาย ด้วยน้ำมือ คนดอกบัว"
เป็นบทกลอนที่ผมแต่งขึ้นแบบฉับพลัน หลังจากที่ได้รับฟังการเล่าเรื่องการขับเคลื่อนกระบวนการมัชชาสุขภาพของจังหวัดอุบลราชธานี ในวันนี้ที่สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดอุบลราชธานี
ผมเชื่อว่าทีมงานพิจารณารางวัลสมัชชาสุขภาพแห่งชาติที่มาด้วยกันคงคิดเช่นเดียวกับผม
ทำไมผมถึงกล้ากล่าวเช่นนั้น ที่ผมกล้ากล่าวก็เพราะผมเห็นผมได้ยินเรื่องราวที่บ่งบอกถึงความเข้มแข็งของการขับเคลื่อนงานจากเวทีในวันนี้จริง ๆ
ผมเห็นพัฒนาการที่สืบทอดกันมาอย่างต่อเนื่องจากจุดเริ่มต้นในปี ๒๕๔๓ นับถึงวันนี้ก็เกิน ๑ ทศวรรษ
ผมเห็นการส่งต่องานของผู้ที่ถูกขานนามว่า "ประธาน" จากคนแรกสู่คนที่ ๒ คนที่ ๓ และคนที่ ๔ ที่แสดงถึงความต่อเนื่องไม่ขาดตอน
ผมเห็นผู้คนตั้งแต่ผู้หลักผู้ใหญ่มาจนถึงกลุ่มคนวัยทำงานที่หลากหลาย และต่างเข้ามาร่วมกันทำงานด้วยหัวใจ
ผมเห็นกระบวนการที่มีการใช้งานวิชาการมาเสริมงานอย่างชัดแจ่ม โดยเชื่อมโยงกับสถาบันการศึกษาในพื้นที่อย่างกลมกลืน
ผมเห็นรูปธรรมที่เป็นผลจากการขับเคลื่อนงานที่ชัดเจน ทั้งงานในระดับชุมชน หมู่บ้าน จังหวัด ตลอดจนเป็นฐานสู่งานระดับชาติ
ผมเห็นการเชื่อมโยงงานระหว่างงานระดับพื้นที่กับระดับชาติ ทั้งขาขึ้นและขาเคลื่อน
ผมเห็นการนำมติสมัชชาสุขภาพแห่งชาติที่ถือเป็นนโยบายระดับชาติมาปฏิบัติในระดับพื้นที่
ผมเห็นการใช้สื่อที่มีอยู่เข้ามาเสริมการทำงานอย่างสร้างสรรค์
ผมเห็นการขยายแนวคิดสมัชชาสุขภาพไปสู่งานอื่น ทั้งสมัชชาพิจารณ์ของสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ และการขยายเป็นหลักสูตรการเรียนการสอนในรั้วมหาวิทยาลัย
ผมเห็นการเป็นพี่ใหญ่ที่คอยสนับสนุนจังหวัดข้างเคียงในกลุ่มจังหวัดที่เรียกขานว่า กลุ่มจังหวัดศรีโสธรเจริญธานี
ผมเห็นการให้เกียรติกับทุกคนที่เข้าร่วมเวที โดยการกล่าวแนะนำให้รู้จักไม่ว่าเขาจะเป็นใคร
ผมเห็นแววตาคนทำงานที่มุ่งมั่น แต่แฝงไปด้วยความอ่อนโยน เป็นมิตรมีไมตรี
ผมเห็นการค่อย ๆ ขยายวงจากวงเล็ก ๆ ไปสู่วงที่กว้างขึ้น โดยไมปิดกั้นผู้หนึ่งผู้ใด
และผมเห็นพลังของความสามัคคีในหมู่ผู้คนที่เข้ามาทำงานร่วมกัน
สิ่งที่ผมเห็นเหล่านี้จึงทำให้ผมทนนิ่งอยู่เฉยไม่ได้ เพราะได้บันดาลให้ผมต้องหยิบปากกาขึ้นมาถ่ายทอดความรู้สึกผ่านบทกลอนแปด ๓ บทข้างต้น
และดีใจอย่างมากที่ผมได้มีโอกาสอ่านบทกลอนนี้ให้คนอุบลราชธานีได้รับฟังเพื่อเข้าใจความชื่นชมที่ผมมีอยู่ในใจ
เสาร์นี้เป็นเสารที่ผมได้กำไรในชีวิตอีกวันหนึ่ง เป็นวันที่ได้เรียนรู้การทำงานของผู้คนกลุ่มหนึ่งที่รักบ้านรักเมืองแล้วลวมือทำจริงผ่านกระบวนการที่เรียกว่า "สมัชชาสุขภาพ"
ดีใจและมีความสุขครับที่ได้เป็นส่วนเล็ก ๆ ส่วนหนึ่งของขบวนที่ยิ่งใหญ่นี้ด้วยคนหนึ่ง

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น