๒๘ ตุลาคม ๒๕๕๖
ทุกวันนี้คำว่า "สมัชชา" เป็นที่รู้จักแพร่หลายมากขึ้นกว่าเมื่อ ๕ ปี ก่อน มีการจัดประชุมที่ขึ้นต้นด้วยคำนี้มากมายไปในหลายองค์กรหลายหน่วยงาน แม้จะมีชื่อขึ้นต้นเหมือนกัน แต่ลีลา รูปแบบและกระบวนการมีความแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง บางสมัชชาเป็นเวทีสาธารณะ บางสมัชชาเป็นเวทีวิชาการ ในขณะที่บางสมัชชาเป็นเวทีพัฒนานโยบายสาธารณะ โดยเฉพาะ "สมัชชาสุขภาพ" ที่ยึดหลักการดังกล่าวเอย่างมั่นคง จึงถือเป็นต้นแบบที่สมัชชาชื่ออื่น ๆ ใช้ในการเรียนรู้เพื่อยกระดับสมัชชานั้นให้เป็นเครื่องมือพัฒนานโยบายสาธารณะอย่างแท้จริง
เช้าวันนี้ รถยนต์ฮอนด้าคู่ใจพาผมเดินทางไปยังห้องประชุมที่ศาลากลางจังหวัดพิษณุโลก ตามคำเชิญของแกนประสานงานคณะทำงานเครือข่ายภาคประชาสังคมจังหวัดพิษณุโลก
เขาเชิญให้ไปช่วยพัฒนาข้อเสนอเชิงนโยบายเพื่อนำเข้าสู่การประชุม "สมัชชาสุขภาวะคนพิษณุโลกจัดการตนเอง"
ผมเห็นชื่อสมัชชานี้แล้ว อดที่จะถามไม่ได้ว่ามีที่มาจากอะไรหรือ
คำตอบที่ได้คือ เป็นความเห็นร่วมกันที่แกนนำขับเคลื่อนสมัชชา ๔ สมัชชา ร่วมกันตั้งขึ้น เพื่อให้มีความหมายสื่อถึงสมัชชาที่แต่ละแกนนำขับเคลื่อนอยู่
๔ สมัชชาที่ว่า ประกอบด้วย สมัชชาสวัสดิการชุมชน สมัชชาขบวนสภาองค์กรชุมชน สมัชชาเครือข่ายขบวนสภาพัฒนาการเมือง และสมัชชาสุขภาพ
ผมถามต่อว่าทำไมถึงมีแนวคิดที่จะนำมารวมกัน
แกนนำสตรีผู้ที่คุ้นหน้าคุ้นตาในวงการขับเคลื่อนงานภาคประชาสังคมในจังหวัดพิษณุโลก เป็นผู้อธิบายให้ผมฟัง ว่ามาจากเหตุผล ๓ ข้อ
ข้อแรก อยากยกระดับสมัชชาให้เป็นสมัชชาในการพัฒนานโยบายสาธารณะที่เป็นระบบ มีข้อมูลรองรับและเป็นกระบวนการที่มีส่วนร่วมตามแบบที่ "สมัชชาสุขภาพ" ทำอยู่
ข้อที่สอง ต้องการบูรณาการเข้าด้วยกัน เพราะจากการทำงานบางเรื่องเป็นเรื่องที่อีกสมัชชาหนึ่งทำแล้ว บางเรื่องเป็นเรื่องที่เชื่อมโยงกับอีกสมัชชาหนึ่ง จึงไม่อยากทำงานซ้ำซ้อนกัน
และข้อที่สาม อยากเห็นกระบวนการรวมพลังผู้คนให้กว้างขวางมากขึ้น เพราะแต่ละสมัชชาก็มีเครือข่ายของตน หากนำมารวมกันจะทำให้มีพลังมากขึ้น
ก่อนที่ผมจะเปลี่ยนเรื่อง แกนนำคนเดิมกล่าวต่ออีกว่า ในปีหน้ากำลังเชิญชวนแกนนำสมัชชาอื่น ๆ เช่น สมัชชาเด็ก สมัชชาครอบครัว สมัชชาสตรี สมัชชาผู้พิการ สมัชชาผู้สูงอายุ หรือสมัชชาการศึกษาที่เกิดใหม่ เข้ามาร่วมกับสมัชชาที่เรากำลังทำอยู่นี้
ณ วินาทีนั้น ผมมีความรู้สึกว่าที่จังหวัดพิษณุโลกนี้กำลังเป็นจังหวัดแรก ๆ ของประเทศที่กำลังพัฒนารูปแบบนานาสมัชชาเข้าด้วยกัน และยกระดับการทำงานแบบรวมหมู่ ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องที่น่าติดตามความเคลื่อนไหวนี้ยิ่งนัก
แม้จะเกิดความรู้สึกปิติกับทิศทางที่ได้ฟังข้างต้น แต่ก็อดเสียดายไม่ได้ที่ในห้องประชุมวันนี้ ไม่มีแกนนำสมัชชาสุขภาพอยู่เลย ด้วยเหตุผลว่าได้ "ทำเสร็จแล้ว"
ผมหลับตาตั้งสติ เพื่อทำหน้าที่ตามคำเชิญเพื่อให้ "สมัชชาสุขภาวะคนพิษณุโลกจัดการตนเอง" เป็นสมัชชาที่มีคุณภาพและเป็นไปตามเจตนารมย์ของคนเชิญออกมาให้ดีที่สุด
ผมขอให้กำลังใจกับแกนนำคนพิษณุโลกในการพัฒนากระบวนการที่ก้าวหน้าครั้งนี้ มา ณ โอกาสนี้ด้วยครับ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น