วันพุธที่ 12 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

ซี (วิค)....ที่รัก

๑๒ พฤศจิกายน ๒๕๕๗

ผมมอง “เธอ” ด้วยสายตาละห้อยและยากจะบรรยายวินาทีนั้นเป็นคำพูดออกมาได้ ยามที่ “เขา” ได้พา “เธอ” ผู้อยู่กับผมมากว่า ๕ ปี ๘ เดือน จรจากไปเสียแล้ว

กระโปรงเธอลับตาพอๆกับน้ำปริ่มตาผม แต่นั่นล่ะสายตาของเขาที่มองเธอ มันคือสายตาแห่งความปิติยินดีที่ได้ครอบครองเธอเหมือนกับที่ผมเคยมองมาก่อนแล้ว และนั้นทำให้ผมเชื่อว่า เขาจะดูแลเธอได้อย่างดีมากไม่ต่างจากที่ผมได้ดูแลเธอเป็นอย่างดีมาตลอดเช่นกัน

พุทธภาษิตที่องค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ทรงสั่งสอนมาครั้งพุทธกาลกว่า ๒,๖๐๐ ปี ว่า “ปิยานัง อะทะสะนัง ทุกขัง การพลัดพรากจากสิ่งที่รัก เป็นทุกข์” ยังคงเป็นหลักธรรมที่เที่ยงแท้ยิ่งนัก ยามต้องพลัดพรากจากสิ่งที่รัก สิ่งที่คุ้นเคย สิ่งที่เคยใช้ชีวิตอยู่ร่วมกัน

ในบ่ายวันอาทิตย์หนึ่งของเดือนแห่งความรักปี ๒๕๕๒ ผมจำได้ดีว่าพบเธอเข้าโดยบังเอิญที่สถานที่สาธารณะแห่งหนึ่งเยื้องโรงแรมริชมอนด์ จังหวัดนนทบุรี ความสวยของเธอช่างถูกใจผมตั้งแต่ยามแรกพบ

เสียงอันแสนไพเราะ กลิ่นหอมจากโคโลญชั้นดี ประกอบกับท่วงท่าอันสง่างาม ทำให้ในอีกไม่ถึงชั่วโมงถัดมา ผมจึงได้ตัดสินใจชวนเธอมาอยู่ด้วยกัน

ทุกเช้าหากผมไม่เดินทางไปต่างจังหวัด เธอก็จะเดินทางเป็นเพื่อนกับผม และจะรอคอยผมเพื่อกลับบ้านพร้อมกัน

ในบางวันที่ผมต้องเดินทางไปทำงานที่ต่างจังหวัด เธอก็จะเฝ้ารอผมอยู่บ้านหรือที่ทำงาน รอคอยผมกลับมาหา เมื่อเธอเห็นผมเหนื่อย เธอก็จะพัดวีผมให้คลายร้อน แถมยังร้องเพลงอันแสนไพเราะที่ผมชอบให้ฟัง

ยามใดที่ผมมีธุระที่ต้องเดินทางไกลไปต่างจังหวัด เธอไม่เคยปฏิเสธผมสักครั้งเดียว ทุกเส้นทางมีเธอร่วมเดินทางไปกับผมอย่างมีความสุขเสมอมา

ผมจำได้ว่าในวันที่เธอร้องขอรางวัลจากผม ว่าอยากได้แว่นตาอันใหม่แทนของเดิมที่ดูเป็นวัยรุ่นมากไป ผมก็พาเธอไปเปลี่ยนแว่นตาให้เหมาะสมกับวัยของเธอ เธอบอกกับผมว่าอยากได้เครื่องเสียงที่เสียงดีขึ้น เล่นได้ทั้งแผ่นดีวีดี วีซีดี เอ็มพีสาม ต่อเชื่อมกับยูเอสบี (USB) และบลูทูธได้ ผมก็รีบไปหาสิ่งนั้นมาให้เธออย่างเต็มใจ

๕ ปีกว่าแล้วสินะ ที่ผมกับเธอต้องเดินทางไปกลับระหว่างนนทบุรีอันเป็นที่ตั้งของที่ทำงานของผมกับนครสวรรค์ซึ่งเป็นจังหวัดที่ภรรยาและลูกของผมอาศัยอยู่ ทุกวันศุกร์เราจะเดินทางไปนครสวรรค์ด้วยกัน เย็นวันอาทิตย์หรือเช้าวันจันทร์ก่อนแสงพระอาทิตย์ขึ้น เราก็จะเป็นเพื่อนเดินทางกลับมาทำงานที่นนทบุรี

เธอคงสงสารผมที่ผมต้องจ่ายเงินทีละมากๆไปกับค่าน้ำมัน ก็แนะนำให้ผมเปลี่ยนไปใช้แก๊สแอลพีจี (LPG) เมื่อผมนำเรื่องนี้มาคิดย้อนหลัง พบว่าประหยัดเงินไปได้กว่าแสนบาททีเดียว แล้วจะไม่ให้ผมหลงเธอและคิดถึงเธอได้มากขนาดนี้ได้อย่างไร

วันหยุดนักขัตฤกษ์ ไม่ว่าจะเป็นวันสงกรานต์ วันขึ้นปีใหม่ หรือช่วงที่มีวันหยุดยาวๆเธอจะพาผมและครอบครัวไปกราบพ่อและพบปะกับญาติพี่น้องที่บ้านเกิด ผมเห็นรอยยิ้มที่ร่าเริงและแสนสนุกของเธอ เมื่อได้พบเจอเพื่อนใหม่ๆที่ประดาญาติของผมพามาด้วย

อย่างน้อยปีละครั้ง ที่เราจะพากันไปเที่ยวต่างจังหวัดไกล ๆ ในคราหนึ่งไปเชียงคานด้วยกัน เราใช้เส้นทางที่ผ่านเขาและเส้นทางคดเคี้ยวมาก ผมรู้สึกเมากับการเหวี่ยงซ้ายเหวี่ยงขวา แต่เธอก็คอยดูแลผมและครอบครัวไปจนถึงที่หมายอย่างปลอดภัย

เธอมักชอบอาสานำทางพาเพื่อนๆ ญาติๆของผมเดินทางไปยังเป้าหมายต่างๆแม้นเธอไม่เคยไป แต่เธอก็ไม่เคยบิดพริ้วหรือเกี่ยงงอน

น้อยครั้งมากเลยที่เธอจะงอแงกับผม มีไม่ถึง ๕ ครั้งที่เธองอนใส่ผม ปฏิเสธเมื่อผมชวนร่วมเดินทางไปด้วยกัน “เธอคงเหนื่อย อยากพักผ่อน และคงอยากให้ผมดูแลมากกว่าเดิม”

มีวันหนึ่งเธอคงไม่สบายมาก จึงบอกผมให้หยุดพักแถว ๆพรหมบุรี จังหวัดสิงห์บุรี ในช่วงก่อนรุ่งของเช้าวันจันทร์ ผมพยายามโทรศัพท์หาหมอให้มาดูแลเธอ แต่สุดท้ายกว่าสี่ชั่วโมงหมอถึงจะเดินทางมา และในที่สุดก็ช่วยปฐมพยาบาลเธอจนดีขึ้น และสามารถเดินทางต่อมาทำงานได้

อีกเหตุการณ์หนึ่งที่ผมยังจำไม่ลืมจนถึงทุกวันนี้ ในเย็นวันนั้นผมมีไข้สูงและปวดหัวมาก จึงตัดสินใจกินยาแก้ไข้เข้าไป ๒ เม็ด และพยายามประคองตัวเองแบบสลึมสลือกลับจากที่ทำงาน

เมื่อมาถึงหน้าบ้าน คงเป็นเพราะอาการของผมที่แทบจะหลับเพราะฤทธิ์ยา จึงทำให้ก้นของเธอไปชนเข้ากับตอไม้ที่ใช้เป็นสิ่งประดับให้บ้านสวยงามเข้าอย่างจัง ผมเห็นรอยถลอกมีเลือดไหลซิบ จึงรู้สึกผิดมากที่ทำให้เธอเจ็บตัวในวันนั้น

คงเป็นเพราะเธอคงเดินทางกับผมบ่อยมากเกินไปกระมัง กาลเวลาผ่านไปผมอาจดูแลเธอน้อยลง ผิวหนังของเธอจึงดูแห้ง แตกลายงา มีสะเก็ดตามเนื้อตัวจนดูไม่สวย ผมพยายามหาครีมมาทาให้แต่ก็ไม่หายเสียที

ว่าไปแล้วกว่า ๑ สัปดาห์แล้วสินะที่ผมตัดใจเดินจากเธอมา ระยะทางกว่า ๑๓๐,๐๐๐ กิโลเมตร ที่ผมกับเธอเดินทางไปไหนมาไหนด้วยกันอย่างปลอดภัย เสียงเพลงอันแสนไพเราะ ความเย็นที่เธอส่งให้ เบาะอันอ่อนนุ่ม เครื่องยนต์ที่มีกำลังแรงดีไม่ตกจากเธอ ได้สร้างความสุขให้กับผมตลอดเวลากว่า ๕ ปี นับเป็นความทรงจำที่ผมมิมีวันลืม

ด้วยความระลึกถึงด้วยความรักที่มีต่อ “น้องซี” หรือ “น้องซีวิค” รุ่นไดแมนชั่น ปี ๒๐๐๔ ที่เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตของผม ตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ ปี ๒๕๕๒ และในบ่ายวันที่ ๖ พฤศจิกายน ๒๕๕๗ ที่ผมได้ยินยอมให้เธอเดินทางไปอยู่กับเพื่อนคนใหม่ย่านรังสิต ปทุมธานี ที่ผมปรารถนาว่าเขาจะดูแลเธอได้เป็นอย่างดีเฉกเช่นที่ผมดูแลมาอย่างไม่เสื่อมคลาย

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น