๒๕ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๗
“น้องวิน” ลูกรัก
ในการเดินทางของพ่อครั้งนี้ “เมืองดานัง” เป็นเพียงแค่ “ทางผ่าน”เท่านั้น คือ เดินทางจากเมืองเว้ในบ่ายของวันที่ ๒๑ กุมภาพันธ์ ผ่านเมืองดานังเพื่อไปพักค้างคืนที่เมืองฮอยอัน และในช่วงบ่ายของวันที่ ๒๒ กุมภาพันธ์ ก็เดินทางกลับจากฮอยอันเพื่อกลับไปพักค้างคืนที่เมืองเว้อีกครั้ง ทำให้พ่อจึงได้นั่งรถผ่าน “ช่องเขาหายเวิน” ทั้งไปและกลับเลยทีเดียว
น้องวินคงจำอุโมงค์หายเวินได้นะครับ ซึ่งในคราวที่ครอบครัวเราไปท่องเที่ยวเมื่อ ๓ ปีก่อน เราก็นั่งรถผ่านอุโมงค์แห่งนี้ ที่ในครั้งนั้นลูกรู้สึกตื่นเต้นอย่างมาก
จะไม่ให้ตื่นเต้นได้อย่างไร เพราะเมืองดานังเป็นเมืองที่ตั้งอยู่ระหว่างเมืองเว้กับเมืองฮอยอัน โดยมีทิวเขา "หายเวิน (Hai Van)" ซึ่งยาวกว่า ๒๑ กิโลเมตรขวางกั้นไว้ “หายเวิน” หมายความว่า ทะเลและเมฆ เพราะด้านล่างคือทะเล ส่วนบนยอดปกคลุมไปด้วยเมฆหมอกตลอดปี ช่องเขาหายเวินถือเป็นเส้นแบ่งเขตปกครองระหว่างจังหวัดเถื่อเทียนเว้ในภาคเหนือและนครดานังในภาคใต้
อีกทั้งเป็นช่องเขาที่สวยงามที่สุด แต่ก็เป็นช่องทางที่อันตรายที่สุดบนเส้นทางจากเหนือจรดใต้ ทำให้รัฐบาลเวียดนามซึ่งได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลญี่ปุ่น ขุดเจาะอุโมงค์ทะลุเขาที่มีความยาวที่สุดในแถบอาเซียน กว่า ๖.๒๘ กิโลเมตร ช่วยทำให้ล่นระยะเวลาการเดินทางไปได้อย่างมาก และมีความปลอดภัยกว่าสมัยก่อนที่ต้องขับรถลัดเลาะไปตามเชิงเขา และเกิดอุบัติเหตุสูงมิใช่น้อย
ขณะนี้ประเทศเวียดนามกำลังลงทุนเจาะอุโมงค์คู่ขนานกับอุโมงค์แห่งนี้อยู่ เป็นอุโมงค์รถไฟฟ้าความเร็วสูง และคาดว่าจะแล้วเสร็จในอีกไม่ช้านี้
"ดานัง" หรือ "ด่าหนัง" เป็นเมืองท่าสำคัญของเวียดนามกลางตอนใต้ ตั้งอยู่ริมชายฝั่งทะเลจีนใต้ จัดเป็น ๑ ใน ๕ เขตการปกครองส่วนท้องถิ่นในเวียดนาม ทิศเหนือติดกับเมืองเว้ ทิศตะวันตกและทิศใต้ติดกับจังหวัดกว๋างนาม ทิศตะวันออกติดกับทะเลจีนใต้ ห่างจากกรุงฮานอยไปทางใต้ ๗๖๔ กิโลเมตร และห่างจากเมืองโฮจิมินห์ซิตี้ ไปทางเหนือ ๙๖๔ กิโลเมตร
ระหว่างเดินทางพ่อสังเกตทิวทัศน์สองข้างทางเป็นชายทะเลที่สวยงามตลอดเส้นทาง ดูสวยงามมาก และที่สะดุดตามาก คือ ได้เห็นเรือหน้าตาแปลก ๆ คล้ายกะลา ซึ่งไกด์บอกกับคณะของเราว่าเขาเรียกว่า “เรือกะลา” ลอยริมฝั่งทะเลเต็มไปหมด
ตามประวัติศาสตร์ บันทึกไว้ว่าในเดือนสิงหาคม ปี ๒๔๐๑ กองทหารฝรั่งเศสยกพลขึ้นบกที่ดานัง ตามพระบัญชาของพระเจ้านโปเลียนที่ ๓ เพื่อประกาศพื้นที่นี้เป็นอาณานิคมภายใต้อาณัติของฝรั่งเศส และถูกเปลี่ยนชื่อเป็นชื่อภาษาฝรั่งเศสว่า "ตูราน (Tourane)" ขณะนั้นถือว่าเป็น ๑ ใน ๕ เมืองสำคัญบนคาบสมุทรอินโดนีเซีย
ในระหว่างสงครามเวียดนาม เมืองนี้เป็นที่ตั้งฐานทัพอากาศหลักของกองทัพสหรัฐอเมริกา ดังนั้นจำนวนประชากรในเมืองนี้จึงได้เพิ่มสูงขึ้นมากกว่า ๑ ล้านคน โดยส่วนใหญ่เป็นผู้ลี้ภัยสงคราม
ก่อนปี ๒๕๔๐ ดานังยังเป็นส่วนหนึ่งของจังหวัดกว๋างนาม-ดานัง จนกระทั่งวันที่ ๑ มกราคม ปี ๒๕๔๐ ดานังได้ถูกแยกออกจากจังหวัดกว๋างนาม และเป็นเขตการปกครองส่วนท้องถิ่นแห่งที่ ๔ ของเวียดนาม
สถานที่ที่คณะของพ่อได้มีโอกาสแวะชมคือ “ร้านไข่มุก” ซึ่งที่ร้านแห่งนี้ได้เรียกเสียงหัวเราะให้กับชาวคณะของเราได้อย่างมาก เพราะเจ้าร้านที่เป็นสตรีสาวชาวเวียดนามที่สามารถพูดภาษาไทยได้ชัดเจน และมีลีลามีลูกเล่นลูกฮากับลูกค้าของเธอได้อย่างเชี่ยวชาญ
สถานที่อีกแห่งหนึ่งที่คณะของเราได้แวะชม นั่นก็คือ "ร้านรูปปั้นที่ทำมาจากหยก" ซึ่งภายในร้านเต็มไปด้วยรูปแกะสลักที่ทำมาจากหยกหลากหลายจนลายตา มีตั้งแต่ขนาดเล็ก จนถึงขนาดใหญ่ สวยงามมากเต็มร้านไปหมด ซึ่งพ่อทึ่งไปกับฝีมือของช่างแกะสลักเป็นอย่างมาก
สิ่งที่พ่อประทับใจมากในวันนี้ก็คือ ได้มีโอกาสไปกราบสักการะ "เจ้าแม่กวนอิมขนาดใหญ่" ที่ตั้งอยู่แหลมเซินจร่า อยู่ภายใน "วัดหลิงอึ๋ง"
เมื่อพ่อมายืนต่อหน้าองค์ "เจ้าแม่กวนอิม" ทำให้พ่อรำลึกถึงสมัยที่ยังไม่มีน้องวิน แม่กุ้งจะให้พ่อพาไปกราบขอพรพระองค์ท่านที่วัดเขาสมอแคลง ที่อำเภอวังทอง จังหวัดพิษณุโลก ทันที
"วัดหลินอึ๋ง" เป็นวัดสร้างใหม่และใหญ่ที่สุดของเมืองดานัง เป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ ที่รวบรวมความเชื่อ ความศรัทธาของธาตุทั้งห้าและจิตใจของผู้คนอยู่ในที่นี้ ภายในวิหารใหญ่ของวัเป็นสถานที่บูชาเจ้าแม่กวนอิมและเทพองค์ต่าง ๆ ตามความเชื่อของชาวบ้านแถบนี้
รูปปั้นเจ้าแม่กวนอิมที่ตั้งตระหง่านมีความสูงถึง ๖๗ เมตรสูงที่สุดในเวียดนาม โดยเป็นรูปปั้นท่ายืนสูงถือแจกันโรยน้ำทิพย์ประทานพรให้ชาวบ้านที่ออกจับปลาในทะเลให้มีความปลอดภัย ตั้งอยู่บนฐานดอกบัว กว้าง ๓๕ เมตร ยืนหันหลังให้ภูเขาและหันหน้าออกทะเล คอยปกป้องคุ้มครองชาวประมงที่ออกไปหาปลานอกชายฝั่ง นอกจากนั้นยังมีหินอ่อนแกะสลักเป็นรูป ๑๘ พระอรหันต์ขนาดใหญ่อยู่ภายในวัด
ไกด์ในรถบัสที่พ่อนั่งไปด้วยเล่าให้ฟังว่า เมื่อคราวเกิดพายุไต้ฝุ่น “ไห่เหยี่ยน” ที่สร้างความเสียหายแก่ประเทศฟิลิปปินส์ เมื่อปี ๒๕๕๖ มีผู้เสียชีวิตเกือบ ๔ พันคนนั้น มีทิศทางตรงมาที่เมืองดานัง แต่ด้วยอานุภาพของเจ้าแม่กวนอิม ทำให้ไต้ฝุ่นเปลี่ยนทิศไปยังประเทศจีนแทน ฉะนั้นคนเวียดนามและนักท่องเที่ยวจากประเทศต่าง ๆ จึงศรัทธา และเดินทางมากราบสักการะขอพรเจ้าแม่กวนอิมองค์นี้อย่างแน่นขนัด
นอกเหนือจากวัดแห่งนี้จะเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ที่ชาวบ้านมากราบไหว้บูชาและขอพรแล้ว ยังเป็นอีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวที่สวยงาม เป็นอีกหนึ่งจุดที่สามารถมองวิวเมืองดานังได้สวยงามมาก
หากมองจากยอดเขาอันเป็นที่ตั้งขององค์เจ้าแม่กวนอินลงไปจะมองเห็นชายหาดที่ชื่อว่า “บ๊ายบุต” ถือเป็นชายหาดที่สวยที่สุดของคาบสมุทรเซินจ่า เป็นเขตที่นักท่องเที่ยวชื่นชอบเพราะความเป็นธรรมชาติดั้งเดิมและบรรยากาศที่สงบร่มเย็น ท่ามกลางบรรยากาศที่คึกคักของตัวเมืองที่กำลังพัฒนาเปลี่ยนแปลงอย่างเต็มพลังแห่งยุคสมัย
"วัดหลิงอื๊ง-บ๊ายบุต" คือ แหล่งท่องเที่ยวเชิงจิตวิญญาณที่เสียงระฆังประสานกับเสียงเพรียกของคลื่นลม สร้างเป็นเสียงดนตรีแห่งธรรมชาติที่ช่วยให้จิตใจดีงามเบิกบานผ่องใสและปรารถนาจะทำแต่สิ่งที่ดีงาม
เหล่านี้คือช่วงเวลาสั้น ๆ ในดานัง ที่แม้เป็นเพียงทางผ่านแต่ก็สร้างประทับใจให้พ่อจดจำไม่น้อย จึงต้องหยิบมาเล่าให้ลูกฟัง
รักลูกเสมอ
“พ่อโต”
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น