วันอาทิตย์ที่ 2 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557

จดหมายถึงเพื่อน ฉบับที่ ๔

๒ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๗

บุญส่ง เพื่อนรัก

วันนี้เป็น “วันเลือกตั้ง” ในประเทศไทย ซึ่งหากเป็นเหตุการณ์ปกติ หลังปิดหีบเลือกตั้งตอน ๓ โมงเย็น แต่ละบ้านคงเฝ้าลุ้นระทึกหน้าจอทีวีเพื่อดูว่าใครจะได้เป็น ส.ส. บ้านตนเอง แต่มาครั้งนี้เป็นวันเลือกตั้งที่แสนยุ่งเหยิงมิใช่น้อย

ตั้งแต่จดหมายฉบับก่อนที่เราเล่าเรื่องความวุ่นวายต่างๆทางการเมือง มาวันนี้ก็ยังไม่มีวี่แววว่าจะคลี่คลายลง มิหนำซ้ำยังรุนแรงขึ้นกว่าเดิมด้วยซ้ำ

นายคงจำได้หลังจากที่นายกรัฐมนตรี (คนสวยมาก) ได้ประกาศยุบสภาไปเมื่อ ๙ ธันวาคม ๒๕๕๖ และกำหนดให้มีการเลือกตั้งในวันนี้ แต่นับตั้งแต่วันนั้นมาประเทศไทยเกิดเหตุการณ์รุนแรงมากมาย ซึ่งมีสาเหตุมาจากความคิดเห็นของคนไทยต่อการเลือกตั้งครั้งนี้ ที่แบ่งออกเป็น ๒ กลุ่ม คือ กลุ่ม “ปฏิรูปก่อนเลือกตั้ง” กับกลุ่ม “เลือกตั้งก่อนปฏิรูป”

เพราะแม้จะมีการยุบสภาไปแล้ว กลุ่ม “ปฏิรูปก่อนเลือกตั้ง” ก็ยังไม่ยอมเลิกชุมนุม เพราะต้องการให้นายกรัฐมนตรีรักษาการลาออก เพื่อเปิดช่องให้มีคนกลางที่เป็นที่ยอมรับของทุกฝ่าย มาทำการแก้ไขกฎกติกาการเลือกตั้งให้เรียบร้อยเสียก่อน แล้วจึงจัดให้มีการเลือกตั้ง แต่ทางรัฐบาลไม่ยอม ทางกลุ่มผู้ชุมนุมจึงเพิ่มระดับความเข้มข้นของการชุมนุม ทั้งการประกาศปิดกรุงเทพมหานคร ตั้งเวทีชุมนุมกระจายทั่วกรุงเทพฯ ๗ เวที เดินรณรงค์กันเกือบทุกวัน

ในขณะเดียวกันรัฐบาลก็โต้กลับด้วยการนำมาตรการทางกฎหมายมาใช้ ทั้งประกาศพระราชกำหนดบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน (พรก.ฉุกเฉิน) มีการอายัดเงินในบัญชีแกนนำคนสำคัญหวังจะตัดท่อน้ำเลี้ยงต่างๆ รวมทั้งแจ้งข้อหากบฏกับแกนนำอีกหลาย ๆ คน

แต่นี่ยิ่งทำให้ประชาชนเห็นใจแกนนำมากขึ้น ออกมาร่วมชุมนุมมากขึ้น ช่วยกันระดมเงินช่วยเหลือมากขึ้น นายคิดดูสิ “กำนันสุเทพ เทือกสุบรรณ” เดินรณรงค์ไปตามถนนแค่ครึ่งวัน มีประชาชนเอาเงินมาร่วมบริจาคเกือบสิบล้าน

แต่ละเวทีชุมนุม มีกลุ่มคนต่างๆออกมาสมทบและประกาศตัวเห็นด้วยกับการ “ปฏิรูปก่อนเลือกตั้ง” เพิ่มขึ้นทุกวัน โดยเฉพาะกลุ่มข้าราชการที่ออกมาหลายกระทรวงแล้ว

นายคงจำได้ว่าผู้ทำหน้าที่จัดการเลือกตั้ง คือ คณะกรรมการเลือกตั้ง หรือ กกต. แต่ทุกขั้นตอนของการทำงานก่อนถึงวันเลือกตั้ง ก็ถูกขัดขวางจากกลุ่ม “ปฏิรูปก่อนเลือกตั้ง” ไม่ว่าจะเป็น

ในวันรับสมัคร สส. แบบบัญชีรายชื่อ ซึ่งจัดขึ้นที่สนามกีฬาไทย-ญี่ปุ่น ดินแดง ก็มีผู้ชุมนุมไปปิดล้อม ไม่ให้มีการรับสมัคร แม้มีการแก้ปัญหาขนาดใช้เฮลิคอปเตอร์รับส่งผู้สมัครแต่ละพรรค แต่ก็ยังเกิดการประทะกันจนมีทั้งคนตายและบาดเจ็บไปหลายราย

เมื่อเปิดรับสมัคร สส. แบบเขตพื้นที่ตามจังหวัดต่างๆทั่วประเทศ ทางกลุ่มผู้ชุมนุมก็ไปปิดล้อมสถานที่รับสมัคร จนไม่สามารถเปิดรับสมัคร สส. ได้ถึง ๒๘ เขต ซึ่งทุกเขตอยู่ในภาคใต้ทั้งหมด

ในวันลงคะแนนออกเสียงเลือกตั้งล่วงหน้า ก็มีหลายเขตที่ไม่สามารถดำเนินการได้อีก และที่น่าสลดใจมากก็คือ เกิดการประทะกันอีก จนมีคนตายไปอีกหนึ่งคน ซึ่งคนคนนี้เป็นคนที่เรารู้จักและทำงานร่วมกันมานาน

ก่อนจะถึงวันนี้ บนหน้าเฟซบุ๊ค (Facebook) เราเห็นข้อความทั้งจากกลุ่ม “ปฏิรูปก่อนเลือกตั้ง” และจากกลุ่ม “เลือกตั้งก่อนปฏิรูป” มากมาย ซึ่งทั้งสองฝ่ายต่างก็มีเพื่อนฝูงที่กอดคอกันมาตั้งแต่สมัยเรียนหนังสืออยู่ข้างละหลายคน และที่น่าคิดไปมากกว่านั้นก็คือ มีญาติสนิทกับเราที่มีความคิดเห็นสนับสนุนแตกต่างกันทั้ง ๒ ข้าง

เมื่อเย็นวันศุกร์ที่ ๓๑ มกราคม ๒๕๕๗ บริเวณเสาธงหน้ากระทรวงสาธารณสุข ซึ่งเป็นที่ที่เราเคยพาแกนนำไปอ่านแถลงการณ์เรียกร้องให้นายกรัฐมนตรีลาออก ก็มีกลุ่มที่อยากให้มีการ “เลือกตั้งก่อนปฏิรูป”ได้มาจุดเทียนเพื่อรณรงค์ให้คนออกไปเลือกตั้ง ซึ่งเป็นสิ่งตรงกันข้ามกับความคิดของเครือข่ายที่เราทำงานด้วย

มีผู้ใหญ่หลายคนในบ้านเมืองออกมาแนะนำให้ “NO VOTE” ซึ่งก็คือไม่ไปใช้สิทธิเลือกตั้งครั้งนี้ เพราะไม่อยากให้ไปรับรองว่า “การเลือกตั้ง” เป็นไปอย่างถูกต้อง

คำว่า “NO VOTE” กับ “VOTE NO” แพร่กระจายไปทั่วเครือข่ายสังคมออนไลน์ ซึ่งเราคิดว่าชาวบ้านอีกหลายล้านคนคงไม่เข้าใจในความหมายของมันนักหรอก

เมื่อเช้าฟังข่าว ทีวีก็รายงานว่ามีถึง ๖๓ เขตเลือกตั้งที่ไม่สามารถเปิดให้ประชาชนมาลงคะแนนเสียงได้ ทั้งที่อยู่ในกรุงเทพมหานคร และอีกหลายจังหวัดในภาคใต้และภาคตะวันออก

ตอนกลางวันขับรถผ่านหน่วยเลือกตั้งหลายหน่วย ช่างเงียบเหงายิ่งกว่าป่าช้าเสียอีก มีแต่เจ้าหน้าที่นั่งคุยกันตามลำพัง มันไม่เหมือนครั้งก่อนๆ เลย ที่จะมีแฟนคลับของผู้สมัครแต่ละพรรคมาคอยลุ้นระทึกและส่งเสียงเชียร์อย่างเมามันส์ยามประกาศผลคะแนน

ตอนนี้เลยเวลาปิดหีบเรื่องตั้งไปแล้ว แต่เรา “ไม่ได้ไปเลือกตั้ง” หรอก เมื่อการเลือกตั้งครั้งนี้ฉาบทาไปด้วย “เลือดของคนไทย” ด้วยกัน เป็นการเลือกตั้งที่แสนอัปยศอย่างยิ่ง

เมื่อสักครู่เพื่อนที่พิจิตร (บ้านเกิดอันเป็นที่รักของเราและนาย) ก็ส่งข่าวมาว่า มีคนมาใช้สิทธิเพียง ๓๐ เปอร์เซ็นต์เท่านั้น ซึ่งก็เป็นไปตามคาดที่ผู้สมัครพรรคเพื่อไทยมีคะแนนนำทั้ง ๓ เขต นายลองอ่านชื่อดูเอาเองนะ เขตเลือกตั้งที่ ๑ คือ นางณริยา บุญเสรฐ เขตเลือกตั้งที่ ๒ คือ พ.ต.ท.อดุลย์ บุญเสรฐ และเขตเลือกตั้งที่ ๓ คือ นายนาวิน บุญเสรฐ ทั้ง ๓ เขตกลายเป็นคนในตระกูล “บุญเสรฐ” ทั้งสิ้น

หวังว่านายคงเข้าใจมากขึ้นแล้วนะว่าทำไมเราถึงไม่ไปเลือกตั้งในครั้งนี้ อยู่ดีๆก็นึกถึงคำของมหาตมะ คานธี ขึ้นมาทันที ที่กล่าวไว้ว่า “การที่ข้าพเจ้ามิได้ปฏิบัติตามคำสั่งนั้นมิใช่เพราะข้าพเจ้าไม่เคารพกฎหมายบ้านเมือง แต่เป็นเพราะข้าพเจ้าต้องการปฏิบัติตามคำสั่งที่สูงยิ่งไปกว่านั้น นั่นคือคำสั่งแห่งความรู้สึกผิด ชอบ ชั่ว ดี ของข้าพเจ้าเอง”

นี้ล่ะ....คือบรรยากาศวันเลือกตั้งที่ยุ่งเหยิงของประเทศไทย ซึ่งไม่รู้ว่าในวันที่ ๒๓ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๗ ที่ กกต. ประกาศให้มีการเลือกตั้งอีกครั้งในอีก ๙ จังหวัด และบางเขตที่ไม่สามารถจัดการเลือกตั้งในวันนี้ได้ สถานการณ์จะเป็นยังไง คลี่คลายหรือรุนแรงกว่าเดิม

แล้วถึงวันนั้นเราจะเขียนจดหมายมาเล่าให้นายฟังอีกนะ

คิดถึงเพื่อนเสมอ

“เราเอง”

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น