วันอาทิตย์ที่ 22 ธันวาคม พ.ศ. 2556

กำพืด (๒) : สาแหรกโคตร

๒๒ ธันวาคม ๒๕๕๖

(๑)

เรียงร้อยอักษรไทย บันทึกไว้เพื่อเรียนรู้
ถ้อยวลีเหมือนเป็นครู นำมาสู่ผู้ร่วมธาร

บทกาพย์ที่แต่งแต้ม เปิดเผยแย้มบอกวันวาน
หวังผลเพื่อสืบสาน เป็นตำนานของกลุ่มคน

บ่งบอกความเป็นจริง ว่าทุกสิ่งมีเหตุผล
ก้าวย่างแต่ละคน เกิดจากต้นคนนำทาง

เริ่มต้นขอตัดบท สิ่งปรากฎให้กระจ่าง
กำเหนิดจากสองทาง ต่อเติมร่างสร้างกระจาย

จำแนกแยกชำแหละ ประดอยแกะทีละสาย
งัดแงะแกะบรรยาย อธิบายขยายความ

(๒)

ย้อนกลับนับร้อยปี ถึงสตรีผู้งดงาม
“ฟู” หญิงปรากฎนาม แต่งงานตามประเพณี

เคียงคู่ชายที่รัก “เซ้ง” สลักคือสามี
บุตรชายและบุตรี กำเหนิดมีถึงสามคน

เรียงนาม “หงวน” “ฮะ” “ผาด” สืบสัญชาติปรากฎตน
เลี้ยงลูกแม้นยากจน ก็อดทนจนเติบโต

มีรักอีกครั้งหนึ่ง นำมาซึ่งญาติโก
ชาย “หงวน” ผู้ใหญ่โต รักมาโผล่ร่วมเดินทาง

หญิงหนึ่งและชายสาม กำเหนิดตามลำดับวาง
ชื่อนามอย่าเลือนลาง เป็นก้าวย่างต้องจดจำ

“กิมฮวย” ต่อนาย “แวว” “กิ๊ด” ต่อแถว “สิ๊ว” ต่อตาม
บันทึกลำดับนาม นี่คือความสิ่งเป็นจริง

(๓)

จับความเพื่อบอกกล่าว ถึงเรื่องราวหนุ่มมาดสิงห์
เติบใหญ่ไม่ประวิง ดุจกระทิงหนุ่มรูปงาม

นาย “ฮะ” หนุ่มเจ้าชู้ เขาคือผู้ปรากฎนาม
เป็นหนุ่มหญิงแลตาม ทุกเขตขามกล่าวชื่นชม

ครองคู่ถึงสองหญิง อุ่นแอบอิงเพราะคารม
“แม่เล็ก” คู่ชิดชม เกาะเกี่ยวกลมคู่กันมา

มีบุตรถึงสามหน่อ ชื่อใดหนอโปรดเอ่ยมา
นาย “ถ่าย” คือพี่ยา “แฉล้ม” หนาคือน้องตน

นาย “อู้” คือน้องสุด นี้คือบุตรที่แสนซน
เกิดคลอดตามติดก้น แผ่ไพรสนธ์คนกว้างไกล

พบรักอีกครั้งหนึ่ง กับสาวซึ่งสวยสดใส
นาม “เนย” เจ้าขวัญใจ เคียงคู่ใคร่ได้อยู่กิน

กำเนิดบุตรอีกห้า ดั่งแก้วตาไข่ในหิน
เลี้ยงลูกโฉมยุพิน แมงไต่บินฉันไม่ยอม

“กิมหลัง” คือพี่ใหญ่ เฝ้าแกว่งไกวทนุถนอม
“กิมหลี” แม่พะยอม ดุจเจ้าจอมของครอบครัว

ชายเดียวคือ “เฮง” น้อย สมใจคอยพ่อทูนหัว
“เสวียน” รู้จักทั่ว ทุกถิ่นชัวร์รู้จักกัน

“สังเวียน” ลูกคนเล็ก เจ้าเป็นเด็กตามที่ฝัน
ครอบครัวสุขอนันต์ พร้อมหน้ากันด้วยเกื้อกูล

(๔)

ขอหยุดตรงนี้ก่อน แล้วขอย้อนเวลาหมุน
ใกล้เคียงอีกตระกูล เริ่มต้นทุนบุญโน้มนำ

หนุ่ม “รอด” คู่สาว “ฟ้อย” เคียงคู่จอยด้วยสุขล้ำ
เกิดบุตรกำเหนิดนาม สี่หน่อตามสืบกันมา

คนโตชื่อ “ทองเหลือ” ชายหน่อเนื้อคือพี่ยา
“ส้มแป้น” แก้วกัลยา ตามติดมาเป็นน้องรอง

ชาย “ตี่” และ “ลำจวน” เจ้าเนื้อนวลชวนจับจอง
เติบโตตามครรลอง วิถีท่องชาวพงไพร

(๕)

วันวานเคลื่อนผ่านผัน จนถึงวันที่สุขใจ
“ส้มแป้น” สาวบ้านไพร มีหนุ่มไกลมาเคียงคลอ

หนุ่ม “โปร่ง” ชายบ้านทุ่ง ด้นลัดคุ้งมาสู่ขอ
เคียงคู่พะเน้าพะนอ สร้างเรือนหอร่วมอยู่กิน

กำเหนิดบุตรแปดหน่อ เฝ้าพะนอมิโบยบิน
ไล่เลียงตามนามยิน นี่คือถิ่นญาติกา

“สงวน” คือพี่ใหญ่ “ทองปลิว” ไซร้ใช่อื่นหนา
“สนืท” คลานตามมา “จรูญ” หนาคือน้องกลาง

“บุญช่วย” คือน้องห้า “สมจิตร” อาบุญร่วมสร้าง
“สมใจ” ใจกว้างขวาง “บุญส่ง” รั้งคนท้ายสุด

เติบโตตามเวลา รักหนักหนาดั่งเข็มหมุด
หล่อเหลาและผ่องผุด ชายหญิงบุตรสง่างาม

(๖)

บุพเพสันนิวาส บุญร่วมชาติบุญหนุนค้ำ
สองฝั่งบุญโน้มนำ ร่วมรอยกรรมเคียงคู่กัน

“จรูญ” เมื่อเติบใหญ่ เมื่อครบวัยใจสัมพันธ์
มาพบสาวสคราญ เป็นสาวบ้านงามละออ

เฝ้าจีบเฝ้าตามติด จนมิ่งมิตรยอมร่วมหอ
ปลูกรักเฝ้าพะนอ “สังเวียน” ขอเป็นคู่กาย

เก็บเล็กผสมน้อย ตั้งใจคอยสู่เป้าหมาย
ประคองรักมิวางวาย มิรู้คลายให้จืดจาง

เคียงคู่ประคองรัก ทั่วรู้จักรักมิห่าง
เกิดบุตรแปดนายนาง ร่วมกันสร้างและเลี้ยงดู

(๗)

คนโตชื่อ “วิโรจน์” คนหัวโปรดแสนชื่นชู
เติบใหญ่ได้เดินสู่ ใจนักสู้ทหารไทย

ถัดมาชื่อ “ปราณี” เธอคือพี่ที่จากไป
อุบัติเหตุมาพรากให้ แต่เยาว์วัยสู่วิมาน

“ประนอม” คือพี่สาม กำเหนิดตามอย่างสุขสันต์
อาชีพครูคือทางฝัน เป็นเนื้องานสร้างเยาวชน

“ธวัช” หนุ่มรูปหล่อ ชาวท่าฬ่อขอแอบยล
เกษตรกรเลี้ยงชีพตน ขยายผลจนมั่งมี

“วิสุทธิ” สุดหล่อเด่น ชอบเรียนเล่นเสริมศักดิ์ศรี
ราชการคือหน้าที่ ทำอยู่ที่หน่วยสอชอ

น้องหญิงชื่อ “บุษบงค์” นิ่มอนงค์จำได้หนอ
ทุกถิ่นทุกที่ขอ นิยมพอในฝีมือ

“เกษม” คนที่เจ็ด ไม่อยากเซดต้องเชื่อถือ
ลูกจ้างนามระบือ บริษัทชื่อคือมิตซู

น้องเล็กนาม “ไพศาล” เก่งทางงานสร้างตึกหรู
งานสร้างงานก่อปู เขาคือผู้ชำนาญการ

(๘)

นี่คือครอบครัวใหญ่ ก่อขยายแผ่ไพศาล
เติบโตและเบิกบาน พ่อแม่ท่านให้ทำดี

อดสู้ส่งให้เรียน ฝึกอ่านเขียนอักษรศรี
หวังให้ปูทางมี รุ่งเรืองที่อันแน่นแท้

ถนอมและกล่อมเกลี้ยง เฝ้าปลอบเลี้ยงเฝ้าดูแล
ด้วยรักจากใจแม่ ด้วยรักแท้จากพ่อเรา

สั่งสอนและอบรม หมั่นเพาะบ่มทุกค่ำเช้า
ให้คำนึงถึงใจเขา ใส่ใจเราคือวลี

คำพูดต้องถือสัตย์ มารยาทต้องดูดี
ลักทรัพย์อย่าได้มี จะโดนตีให้หลาบจำ

บุญคุณต้องทดแทน ยึดให้แม่นฝึกกระทำ
พี่น้องต้องเกี่ยวนำ วจีพร่ำทุกคราคืน

เทศกาลงานมงคล ต้องรวมพลให้แช่มชืน
ไพ่ตองทั้งวันคืน ต้องทนฝืนเย้าแหย่กัน

ยามทุกข์ต้องช่วยเหลือ คอยเอื้อเฟื้อและแบ่งปัน
ยามสุขสุขด้วยกัน รักให้มั่นหมั่นดำรง

อักษรเพียงเท่านี้ หรือจะมีค่าควรคง
คำสอนที่มั่นคง สุดสูงส่งเกินบรรยาย

(๙)

เหล่านี้คือเรื่องย่อ คงเพียงพออธิบาย
รุ่นทวดเป็นต้นสาย สืบทอดกายสู่รุ่นเรา

รุ่นลูกและรุ่นหลาน เป็นตำนานสืบพงษ์เผ่า
ต่อทอดอีกนานเนาว์ สุดเกริ่นกล่าวอีกยาวนาน

สิ่งอยากขอฝากไว้ ขอยึดให้ได้กราบกราน
เราสุขอยู่ทุกวัน เพราะต้นธารท่านสร้างมา

สืบทอดรุ่นต่อรุ่น เป็นบุญคุณสืบนำพา
รำลึกทุกเวลา เสริมบุญญาบารมี

ตอบแทนซึ่งบุญคุณ เป็นต้นทุนหนุนราศรี
ประโยชน์ทับทวี เสริมบารมีสิ่งใดเทียม

ประพฤติปฏิบัติ อย่างเคร่งครัดอย่าได้เหนียม
มงคลดลสุดเยี่ยม คุณค่าเปี่ยมคำอวยพร

(๑๐)

ขอจบบทกวี ไว้เพียงนี้อนุสรณ์
เจตนาเพื่อสะท้อน ให้นึกย้อนสอนใจคน

มีเราทุกวันนี้ ก็เพราะมีจุดเริ่มต้น
อยู่ได้เป็นตัวตน เพราะต้นหนคนต้นทาง

ตระกูล “บุญน้อยกอ” หนึ่งเหล่ากอในโลกกว้าง
หากสืบเสาะทุกย่าง เป็นตัวอย่างให้จดจำ

มีสุขปนทุกข์โศก นี่คือโลกเอ่ยลำนำ
พุทธองค์ทรงสอนพร่ำ คือวงกรรมได้พบพาน

ขอพรอันยิ่งใหญ่ อำนวยชัยแด่ทุกท่าน
อดทนตั้งใจอ่าน หนึ่งตำนานผ่านกวี

รวยขึ้นและรวยขึ้น จิตแช่มชื่นทุกนาที
โรคภัยอย่าได้มี สวัสดีทุกท่านเอย

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น