๓๑ ธันวาคม ๒๕๕๖
บุญส่ง เพื่อนรัก
ไม่รู้เกิดอะไรขึ้นกับเราว่ะเพื่อน อยู่ดีๆ ก็อยากเขียนจดหมายถึงนายในช่วงใกล้จะสิ้นปี ๒๕๕๖ นี้ และอยากเล่าเรื่องราวที่ผ่านมาในช่วงปีนี้ให้นายฟัง
เป็นเรื่องที่คนไทยจำนวนไม่น้อยทั่วแผ่นดินกำลังเครียดกันไปหมด แต่ปีนี้ดูเหมือนจะหนักหน่วงเอาการกว่าปีที่ผ่านๆมา เพราะผู้คนหลายล้านได้ลุกขึ้นมาชุมนุมเรียกร้องให้มีการปฏิรูปประเทศไทยแบบจริง ๆ จัง ๆ แม้เรื่องนี้จะมีการเรียกร้องมากว่าสิบปีแล้วก็ตาม แต่ครั้งนี้ดูราวกับว่าไม่สามารถหยุดยั้งพลังคนตัวเล็กตัวน้อยที่ไม่ยอมจำนนกับสถานการณ์บ้านเมืองแบบนี้ได้อีกต่อไปแล้ว
เราไม่แน่ใจว่านายรู้หรือเปล่าว่าประเทศไทยมีนายกรัฐมนตรีเป็นสุภาพสตรี ซึ่งเป็นคนแรกแห่งประวัติศาสตร์ชาติไทยเลยล่ะ เธอชื่อ “ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร” เป็นน้องสาวของอดีตนายกรัฐมนตรี “ทักษิณ ชินวัตร” เป็นผู้หญิงที่ “สวย” มากเลยนะเพื่อน
แต่ในอีกทางต้องบอกว่าเธอก็ค่อนข้าง “ซวย” เอามากๆเลยทีเดียวเช่นกัน เพราะตั้งแต่เข้ารับตำแหน่งก็ต้องเข้ามาแก้ปัญหาน้ำท่วมประเทศครั้งใหญ่ ซึ่งก็โดนด่าไปทั้งบ้านทั้งเมือง
อีกทั้งที่ผ่านมามักจะมีคำครหาอยู่ตลอด ไม่ว่าจะเป็นการติดโพยอ่านแถลงการณ์ต่างๆ การอ่านผิดอ่านถูก การไม่เข้าสภา แต่เธอก็เอาตัวรอดมาได้จนทุกวันนี้
จนมาถึงปลายเดือนตุลาคมนี้เอง ที่สภาผู้แทนราษฎรนำโดยพรรคเพื่อไทย หัวเรือใหญ่ที่เธอคุมบังเหียนอยู่ หยิบเอาเรื่องกฎหมายนิรโทษกรรมฯ ขึ้นมาพิจารณา และมีมติผ่านการเห็นชอบในช่วงตีสี่ของวันที่ ๑ พฤศจิกายน เรื่องราวอัปยศจึงเกิดขึ้น ณ ที่ประเทศไทยแห่งนี้
เพราะสาระของกฎหมายครอบคลุมไปถึงคดีความย้อนหลังไปจนถึงปี ๒๕๔๗ ในสมัยที่พี่ชายของเธอเป็นนายกรัฐมนตรีด้วย ทั้งๆที่ตอนเสนอกฎหมายฉบับนี้เข้ามาพิจารณาในสภาฯก็ไม่มีเรื่องนี้บรรจุอยู่
พรรคฝ่ายค้านจึงมีการตั้งเวทีนอกสภา ระดมมวลชนออกมาต่อต้านการออกกฎหมายล้างผิดฉบับนี้ ซึ่งสุดท้ายวุฒิสภาก็ทนต่อกระแสของสังคมไม่ไหว ลงมติไม่รับหลักการเห็นชอบให้พิจารณาต่อในชั้นวุฒิสภา ทำให้กฎหมายฉบับนี้ “สลบเหมือดไปชั่วคราว”
ต้องบอกว่าเราก็เป็นคนหนึ่งที่ไม่เห็นด้วยกับการออกกฎหมายฉบับนี้เช่นเดียวกัน เรากับเครือข่ายจึงได้ออกแถลงการณ์คัดค้านในบริเวณที่ทำงานเราด้วย และที่สำคัญยังเดินทางไปยื่นแถลงการณ์ต่อประธานวุฒิสภาด้วยนะ
แม้เรื่องนี้ยุติลง แต่ก็เกิดเหตุต่อเนื่อง เมื่อศาลรัฐธรรมนูญพิพากษาว่า การแก้ไขรัฐธรรมนูญในเรื่องที่มาของวุฒิสภาไม่ถูกต้องทั้งในเรื่องกระบวนการและสาระ แต่พรรคเพื่อไทยก็ออกมาตั้งโต๊ะแถลงข่าวไม่ยอมรับคำตัดสินของศาลรัฐธรรมนูญ
เหตุนี้เองจึงนำมาซึ่งการชุมนุมครั้งมโหฬารที่นำโดย “กำนันสุเทพ เทือกสุบรรณ” ที่ลาออกจากการเป็น สส.พรรคประชาธิปัตย์ ประกาศยกระดับเป็นการขับไล่ระบอบทักษิณ ซึ่งได้ผลเป็นอย่างมาก มีประชาชนออกมาร่วมชุมนุมเดินขบวนตามท้องถนนในกรุงเทพฯ กว่า ๕ ล้านคน ซึ่งไม่น่าเป็นไปได้ว่าจะมากได้ขนาดนี้
เราก็เป็นหนึ่งในนั้นที่ได้ไปร่วมชุมนุมหลายครั้งกับ “มวลมหาประชาชน” ที่เขาเรียกกัน ต้องบอกว่าคนที่มาชุมนุม หลายๆคนน่ารัก ยิ้มให้กัน แบ่งปันสิ่งของให้แก่กัน เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่กันมากเลยทีเดียว
ความกดดันจากการชุมนุมหลายๆครั้ง ตกไปอยู่ที่รัฐบาล จนในที่สุดเธอต้องตัดสินใจประกาศยุบสภาเมื่อ ๙ ธันวาคม และจัดให้มีการเลือกตั้งใหม่ในวันที่ ๒ กุมภาพันธ์ ปีหน้า แต่ทางฝ่ายผู้ชุมนุมก็ไม่ยอมรับ เสนอให้มีการปฏิรูปก่อนเลือกตั้ง เพราะถ้าเลือกตั้งตามระบบและกลไกเดิม ผลที่ออกมาก็คงเหมือนเดิม
เมื่อ ๒ วันก่อน คณะกรรมการการเลือกตั้ง หรือ กกต. ได้เปิดรับสมัครเลือกตั้งแบบบัญชีรายชื่อไปแล้ว แต่ผู้ชุมนุมก็เข้าไปขัดขวาง นำมาซึ่งความสูญเสีย มีคนตายและบาดเจ็บอีกด้วย
ที่เราเล่ามาก็เพื่อให้นายได้รับรู้ว่า ประเทศไทยเรามันเปลี่ยนแปลงไปจากวันที่นายไม่อยู่หลายอย่าง
อย่างเมื่อหลายวันก่อน มีงานเลี้ยงรุ่นสมัยที่เราเรียนมัธยมศึกษาตอนต้นด้วยกัน มีเพื่อนๆมาร่วมงานกว่า ๑๐๐ คน แต่ในงานไม่มีใครอยากพูดเรื่องการเมืองเลย เพราะมีทั้งเพื่อนที่เห็นด้วยและไม่เห็นด้วยกับรัฐบาลที่เธอบริหารอยู่
แม้แต่เพื่อนในสายงานที่เราทำงานด้วยกันมานาน ก็มีการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่างกัน และใช้คำที่แสดงถึงความเกลียดชังและค่อนข้างรุนแรงกันสูงมาก
หน้าข่าวทางสื่อต่างๆ ก็มีแต่ข่าวการบ้านการเมือง ทั้งส่วนที่เห็นและต่อต้านรัฐบาล
ไม่รู้นะว่าคนอื่นเป็นอย่างไร แต่เราเครียดมากเลยว่า ต้องระวังคำพูดคำจา เพราะกลัวว่าจะไปพูดกับคนที่เห็นตรงกันข้ามกับเรา ซึ่งเจอบ่อยมากโดยเฉพาะยามต้องโดยสารรถแท็กซี่ ที่พอเราเอ่ยเรื่องนี้ขึ้นมาก็แสดงความคิดความเห็นที่รุนแรงต่อผู้ชุมนุมให้เราฟัง
ในความคิดของเรา แม้ว่ารัฐบาลจะมาจากการเลือกตั้งก็จริง แต่จากข้อมูลที่ได้ยินได้ฟังมา ชี้ให้เห็นชัดว่ามีการทุจริตคอรัปชั่นในโครงการต่างๆ เยอะมาก
เช่น โครงการน้ำ มูลค่า ๓.๕ แสนล้านบาท ก็ได้รับการต่อต้านจากประชาชนในจังหวัดต่าง ๆ เกือบทุกจังหวัด ซึ่งเราก็เคยเข้าไปร่วมใน ๒ จังหวัด คือที่นครสวรรค์ และพิจิตร ก็พบว่ากระบวนการรับฟังความคิดเห็นจัดแบบขอไปที เน้นจำนวนแต่ไม่มีคุณภาพแต่อย่างใด
โครงการเงินกู้ ๒.๒ ล้านบาท ก็น่าเป็นห่วง ไม่มีรายละเอียดประกอบคำขอกู้เงินเลย หากกู้สำเร็จ ประชาชนอย่างเราๆ ลูกเราจะต้องใช้หนี้จากโครงการนี้ไปอีกกว่า ๕๐ ปี
โครงการจำนำข้าว ก็ขาดทุนมากมาย จนปัจจุบันนี้ไม่มีเงินจะไปจ่ายให้กับชาวนาที่นำข้าวมาจำนำไว้กับรัฐบาลแล้ว
โครงการรถคันแรก ฟังดูก็มีปัญหา ส่งผลกระทบให้ท้องถนนจราจรติดขัดเต็มไปหมด ส่วนโครงการทางด้านสุขภาพ ก็พยายามผลักดันให้เข้าไปสู่ระบบทุนนิยม โดยไม่ค่อยให้ความสำคัญกับคนยากคนจน และยังมีอีกหลายเรื่องที่มีลักษณะที่แฝงไปด้วยความไม่ชอบมาพากล
จนเรานี้แหล่ะเป็นคนหนึ่งที่ได้ร่วมกับเพื่อนๆในเครือข่ายด้านสุขภาพ ตั้งโต๊ะแถลงการณ์เรียกร้องให้นายกรัฐมนตรีลาออก เพื่อเปิดช่องให้มีการปฏิรูปก่อนการเลือกตั้ง
เราเล่ามาเสียยาวเลย นายคงมึนคงงงไปกับข้อมูลที่เราให้อย่างแน่นอน เพราะในวันที่นายจากไปเมื่อเกือบ ๑๐ ปีก่อนโน้น บ้านเมืองเรายังไม่เป็นแบบนี้ วันนั้นคนไทยยังมีความรักความสามัคคีกันอยู่มาก ซึ่งแตกต่างจากวันนี้อย่างสิ้นเชิง
ในวาระที่วันนี้เป็นวันสุดท้ายของปี ๒๕๕๖ เราขอให้นายช่วยเราหน่อยนะเพื่อน หากนายมีอานุภาพอยู่บ้าง เราขออ้อนวอนให้นายช่วยทำอะไรบางสิ่งบางอย่างที่ทำให้ประเทศไทยกลับมาเป็น “สยามเมืองยิ้ม” เหมือนเก่าก่อน ประชาชนมีความรักสามัคคี ไม่แบ่งแยกเป็นฝักเป็นฝ่าย คนไทยทุกคนร่วมมือกันพัฒนาประเทศโดยมีระบอบการปกครองแบบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุขตลอดไปอย่างสมานฉันท์ ซึ่งนายยืนยันในสมัยที่เราเรียนด้วยกันว่าเป็นระบอบการปกครองที่ดีที่สุดของประเทศไทยเรา
อย่าเพิ่งเบื่อกันนะ โอกาสหน้าเราจะเขียนจดหมายมาเล่าอะไรๆให้นายฟังต่ออีกนะ “รออ่านแล้วกัน”
สุดท้ายขอให้ดวงวิญญาณของนายสถิตอยู่ในสรวงสวรรค์ตลอดไปนะ
คิดถึงเพื่อนเสมอ
“เราเอง”
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น