วันจันทร์ที่ 16 ธันวาคม พ.ศ. 2556

นัก “กินเมือง”

๑๖ ธันวาคม ๒๕๕๖

“ยกพวกมากลากตั้งขึ้นบังอาจ
เป็นกังฉินกินชาติสุดบัดสี
เอาเลือกตั้งขึ้นตั้งเป็นตราตี
ให้ปู้ยี่ปู้ยำได้ตามใจ

ประโยชน์ชาติชั่วชาติเข้าฉ้อฉล
ยกเอาประโยชน์ตนขึ้นเป็นใหญ่
สร้างโครงกินโครงการบานตะไท
ใช้พวกมากลากไปไม่ฟังกัน

สารพัดสาระพิษผิดกฎหมาย
เอาอำนาจเป็นนายขึ้นเหนือมั่น
ทำฟ้าผ่าเปรี้ยงปร้างขึ้นกลางวัน
พอจับได้ไล่ทันตะบันตะแบง

กลับมาใช้วิชามารการเลือกตั้ง
จะกี่ครั้งก็ยังโกงกันโจ่งแจ้ง
อัฐยายซื้อขนมยายไม่เปลี่ยนแปลง
ใช้ให้ผีโม่แป้งไม่ต้องเปลือง

อำนาจซื้ออำนาจอุบาทว์ชั่ว
ยกคอกวัวเข้าสภาวางท่าเขื่อง
ถือเอาการเลือกตั้งขึ้นนั่งเมือง
มาเป็นเครื่องฟอกตัวชั่วระยำ

เป็นการเมืองน้ำเนาเขาวงกต
นักกินเมืองกำหนดกันอิ่มหนำ
จงผองเราเหล่าประชาร่วมกล้านำ
ร่วมดาหน้าเข้ากระหน่ำร่วมคว่ำมัน”

คุณจะรู้สึกอย่างไรที่มีศิลปินแห่งชาติมีชื่อเสียงระดับเจ้าของรางวัลซีไรท์ มาอ่านบทกวีในงานที่คุณเป็นผู้ดำเนินรายการ

"นักกินเมือง” คือชื่อบทกวีที่อ่านด้วยถ้อยคำของศิลปินแห่งชาติและกวีซีไรต์ นาม “เนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์” ในงาน “แถลงการณ์ของ ๕ เครือข่าย” ถ่ายทอดให้เห็นถึงความเลวร้ายของ “ระบบการเลือกตั้ง” ที่ไม่เป็นไปตามหลักการประชาธิปไตยที่แท้จริง

บทกวีบทนี้ได้แต่งขึ้นระหว่างที่ผู้แต่งนั่งรถเดินทางมาร่วมงาน และได้อ่านด้วยตัวเอง ภายหลังที่ผู้แทนจาก ๕ เครือข่ายได้อ่านแถลงการณ์ เรื่อง ขอให้นายกรัฐมนตรีตัดสินใจถอยเพื่อชาติ สิ้นสุดลง
จากบทกวีบทนั้น คำแต่ละคำที่ประกอบเป็นวรรค แต่ละวรรคที่ประกอบเป็นบทแต่ละบท ได้บ่งบอกถึงความไม่ชอบมาพากลในกระบวนการเลือกตั้งที่เป็นอยู่ในขณะนี้ และที่สำคัญได้ชี้ให้เห็นว่า ภายหลังการเลือกตั้งผ่านไป นักการเมืองได้ใช้ “ประกาศนียบัตรการได้ผ่านการเลือกตั้ง” นั้น เป็นเครื่องมือในการกอบโกยผลประโยชน์เข้าสู่ตนและกลุ่มตนไว้อย่างชัดแจ้ง

จุดนี้เองครับที่เป็นจุดสำคัญที่ ๕ เครือข่าย อันประกอบด้วย เครือข่ายคนรักสุขภาพ เครือข่ายคนรักประเทศไทย เครือข่ายสมัชชาปฏิรูปประเทศไทย เครือข่ายสุขภาพแห่งชาติ และเครือข่ายคนรุ่นใหม่หัวใจพลเมือง ได้ออกแถลงการณ์ในวันนี้

สาระสำคัญของแถลงการณ์ คือ ให้นายกรัฐมนตรีลาออกจากการรักษาการนายกรัฐมนตรีทันที เพื่อเปิดช่องให้มีการสรรหานายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรี ที่เป็นที่ยอมรับของประชาชนทุกภาคส่วน โดยไม่มีพรรคการเมืองและแกนนำเข้ามามีส่วนเกี่ยวข้อง มาทำหน้าที่บริหารประเทศชั่วคราว และดำเนินการให้ประชาชนทุกฝ่ายได้เข้ามาร่วมกันทำการปฏิรูป แก้ไขกฎเกณฑ์กติกาสำคัญต่าง ๆ แล้วจัดให้มีการทำประชามติ จากนั้นจึงจัดให้มีการเลือกตั้งใหม่ตามกติกานั้นต่อไป

กล่าวโดยสรุปก็คือ “ต้องมีการปฏิรูปก่อนการเลือกตั้ง”

ทั้งนี้ข้อเรียกร้องของ ๕ เครือข่าย เป็นไปตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช ๒๕๕๐ ทุกประการ

เสียงขับขานอ่านบทกวีของ “เนาวรัตน์ พงษ์ ไพบูลย์” ยังก้องกังวานในหูของผม แม้จะล่วงผ่านกิจกรรมสำคัญในวันนี้มานานแล้วก็ตาม โดยเฉพาะท่อนที่ว่า
“ยกพวกมากลากตั้งขึ้นบังอาจ
เป็นกังฉินกินชาติสุดบัดสี
เอาเลือกตั้งขึ้นตั้งเป็นตราตี
ให้ปู้ยี่ปู้ยำได้ตามใจ”

ในใจพลันคิดต่อว่า สักวันหนึ่งผมคงต้องร้องขอต่ออาจารย์ให้ช่วยแต่งบทกวีอีกครั้ง ในวันที่ประเทศไทยเรามีระบบการเลือกตั้งที่ใสสะอาด เพื่อ ๕ เครือข่ายจะได้นำมาอ่านในเวทีแถลงการณ์ขอบคุณผู้เกี่ยวข้องในครั้งหน้า
และผมจะขออาสาเป็นผู้ดำเนินรายการในวันนั้นเองอีกครั้งหนึ่ง

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น