๕ พฤศจิกายน ๒๕๕๖
ดีใจมากครับ ที่ได้รับเกียรติให้เป็นคนหนึ่งในการอ่านแถลงการณ์ของเครือข่ายคนรักสุขภาพและเครือข่ายคนรักประเทศไทย แสดงจุดยืนคัดค้านกฎหมายนิรโทษกรรมฯ ที่ถูกเรียกว่ากฎหมายอัปยศ ในวันนี้ เพราะกิจกรรมนี้แม้นจะเป็นเสียงเล็ก ๆ แต่เป็นงานที่สำคัญที่มีคุณค่า เป็นงานที่ส่งผลต่อการพัฒนาประเทศให้คงอยู่ในความน่าเชื่อถือของนานาประเทศในสังคมโลก เป็นประเทศที่ยึดหลักนิติธรรม นิติรัฐ และยึดหลักสิทธิมนุษยชนอย่างมั่นคง
เวลา ๑๖.๐๐ น. เครือข่ายคนรักสุขภาพและเครือข่ายคนรักประเทศไทย จากที่ต่าง ๆ ต่างทยอยเดินทางมาสมทบกันที่หน้าอาคารสุขภาพแห่งชาติ เพื่อร่วมเดินไปยังลานพระะราชอนุสาวรีย์สมเด็จพระมหิตลาธิเบศรอดุลยเดชวิกรม พระบรมราชชนก และสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี ที่ตั้งตระหง่านอยู่บริเวณหน้าตึกกระทรวงสาธารณสุข
ระหว่างการเดินทางมีพี่น้องที่เห็นได้เดินเข้ามาร่วมสมทบ จากจุดเริ่มต้นที่มีไม่กี่สิบคน กลายเป็นขบวนหลักร้อย ทุกคนต่างถือธงไตรรงค์ ถือป้ายขนาดใหญ่ ที่มีข้อความคัดค้านกฎหมายสุดซอยฉบับนี้ เสียงนกหวีด พร้อมแตร ดังสลับกันไปตลอดการเดินทาง
คณะของเราเดินทางมาถึงจุดหมายพร้อมเริ่มต้นด้วยการถวายสักการะพระบรมรูปของทั้ง ๒ พระองค์ พร้อมขออนุญาตใช้ลานหน้าพระราชอนุสาวรีย์นั้นเป็นสถานที่อ่านแถลงการณ์
ผมและพี่สุรพงษ์ พรมเท้า เครือข่ายคนรักสุขภาพจากจังหวัดเพชรบูรณ์ เป็นผู้ทำหน้าที่นั้น
มีผู้คนและนักข่าวบางสำนักมามุงดูหลายสิบคน บางคนทนไม่ไว้ขอเข้ามาร่วมขบวนกับคณะของเราด้วย
.....................................
แถลงการณ์ “เครือข่ายคนรักสุขภาพ และ เครือข่ายคนรักประเทศไทย”
ตามที่สภาผู้แทนราษฎรที่มีพรรคเพื่อไทยเป็นแกนนำฝ่ ายรัฐบาล ได้อาศัยเสียงข้างมาก ดันทุรังหักดิบลงคะแนนเห็นชอบร่าง พระราชบัญญัตินิรโทษกรรมแก่ผู้ซึ่งกระทำความผิดเนื่องจากการชุมนุมทางการเมือง และการแสดงออกทางการเมืองของประชาชน พ.ศ. .... วาระที่ ๓ ไปแล้วเมื่อวันที่ ๓๑ ตุลาคม ๒๕๕๖ นั้น การกระทำดังกล่าว เป็นการกระทำที่อาศัยพวกมากลากไป ทำลายหลักนิติธรรม แปรญัตติเกินกว่าหลักการที่เห็นชอบกันไว้ในวาระที่ ๑ ออกกฎหมายให้มีผลย้อนหลังเกินขอบเขตอำนาจหน้าที่ของฝ่ ายนิติบัญญัติพึงกระทำ โดยหวังเพียงเพื่อฟอกความผิดให้คนทุจริตที่ผ่าน
การตัดสินของศาลมาแล้ว
กฎหมายฉบับนี้เริ่มยกร่างโดยมีวัตถุประสงค์เพื่อนิรโทษกรรมให้กับประชาชนคนเล็กคนน้อยที่เข้าข่ายความผิดในช่วงที่บ้างเมืองเกิดความขัดแย้งทางการเมืองแต่ในที่สุด สส.พวกมากได้พลิกพลิ้วออกกฎหมายให้มีผลเลยไปไกลกว่านั้น โดย สส. ผู้ขอแปรญัตติได้ให้สัมภาษณ์ชัดเจนว่า กระทำเพื่อให้ลูกพี่ที่อยู่แดนไกลได้พ้นผิด ซึ่งเป็นการกระทำอันน่ารังเกียจ ผิดหลักการออกกฎหมายที่ต้องคำนึงถึงผลประโยชน์ของมหาชนเป็นสำคัญ
การกระทำของ สส.พวกมากลากไปดังกล่าว เป็นการกระทำที่ดูถูกประชาชนเหมือนว่าเมื่อมีเสียงข้างมากแล้วจะทำอะไรก็ได้ตามอำเภอใจ ไม่ว่าผิดหรือถูกชอบธรรมหรือไม่ชอบธรรม เป็นการกระทำที่ทำลายหลักการของระบอบประชาธิปไตยที่ดีงาม
ในนามของประชาชน “เครือข่ายคนรักสุขภาพ และ เครือข่ายคนรักประเทศไทย” ที่รวมตัวกันขึ้นมาจากประชาชนหลายหมู่เหล่า ในทุกพื้นที่ของประเทศขอประณามการกระทำ ดังกล่าว และขอแสดงการต่อต้าน ไม่ยอมรับการออกกฎหมายนิรโทษกรรมฉบับดังกล่าวที่ผ่านสภาผู้แทนราษฎรไปแล้ว
เครือข่ายฯ จะติดตามและดำเนินการต่อต้านทุกวิถีทาง เพื่อไม่ให้กฎหมายฉบับนี้ออกมามีผลบังคับใช้
เครือข่ายฯ ขอแสดงความเสียใจต่อประชาชนที่ตกเป็นเหยื่อของเหตุการณ์ความไม่สงบ ที่ควรจะได้รับอานิสงส์จากกฎหมายฉบับนี้ ตามร่างแรกที่มีการเสนอเข้าสู่สภาผู้แทนราษฎร ที่ต้องรอคอยกฎหมายนิรโทษกรรมสำหรับประชาชนต่อไปอีก ทั้งนี้ เนื่องจากเหตุเลวร้ายแทรกซ้อนเกิดขึ้นจาก สส.พวกมากที่ไม่มีความจริงใจกับประชาชนปฏิบัติหน้าที่โดยมีวาระซ้อนเร้น ผลจึงเกิดอย่างที่เห็นกันอยู่ในขณะนี้
พวกเราจะไม่เรียกร้องให้ สส.พวกมากที่ร่วมลงมติเห็นชอบกับกฎหมายนิรโทษกรรมยกเข่งฉบับนี้ ได้แสดงความรับผิดชอบด้วยการลาออกจากการเป็น สส.และเลิกทำงานทางการเมือง เพราะเราเข้าใจได้ดีว่า เป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ที่พวกคนเหล่านั้นจะมีมโนสำนึกอันดีงามได้ถึงขนาดนั้น
ลงชื่อ “เครือข่ายคนรักสุขภาพ และ เครือข่ายคนรักประเทศไทย”
๕ พฤศจิกายน ๒๕๕๖
...............................
หลังจากที่อ่านแถลงการณ์จบลง เครือข่ายของเราร่วมใจกันร้องเพลงสดุดีมหาราชา ก่อนจะร้องไชโย ไชโย ไชโย พร้อมกัน
เครือข่ายของเราเดินทางกลับ เพื่อนำแผ่นป้ายคัดค้านขนาดยักษ์ติดไว้ที่หน้าตึกอาคารสุขภาพแห่งชาติ ประกาศก้องให้ผู้คนที่สัญจรไปมาเห็นอย่างชัดเจน
มีน้อง ๆ หลายคน เข้ามาขอจับมือพร้อมเสนอความเห็นว่า อยากให้จัดกิจกรรมทุกวัน โดยเสนอตัวว่าจะพาเพื่อนอีกหลายสิบคมาเข้าร่วมกิจกรรมนี้แน่นอน
เพียงไม่ถึงสิบนาที ผมกลับขึ้นมาทำงาน เปิดเฟจบุ๊คภาพที่คณะของเราเดินปรากฎหลาอยู่บนสังคมออนไลน์เรียบร้อยแล้ว พร้อมกับการกดไลน์ของเพื่อนในเครือข่ายหลายสิบครั้ง
ผมคาดไม่ถึงจริง ๆ ว่า กิจกรรมเล็ก ๆ ที่เราทำกันขึ้นในวันนี้ จะได้รับเสียงตอบรับจากผู้คนที่พบเห็นมากมายขนาดนี้ นี่แสดงว่ายังมีผู้คนที่มีใจจะเข้าร่วมกิจกรรมเพื่อบ้านเพื่อเมืองอีกมากมาย นับเป็นข้อเตือนใจสำหรับผู้มีอำนาจว่า "อย่าทำให้เขารู้สึกแบบนี้อีกเลย เพราะคนไทยทุกคนมีเลือดรักชาติ ศาสน์ กษัตริย์กันทุกคน"
กลับมายึดหลักธรรมาภิบาลในการบริหารบ้านเมืองกันเถิด ผมและเครือข่ายฯ ขอร้องจริง ๆ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น