วันจันทร์ที่ 4 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556

เสียงของนายผัดไท รักษ์ป่า

๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๖
หากเราเปิดใจให้กว้าง รับฟังกันและกัน ผมเชื่อว่าเราจะได้เห็นรอบด้านของเรื่องราวที่เราสนใจ โดยเฉพาะการรับฟังของเสียงเล็กเสียงน้อยที่คนไม่นิยมจะฟัง จะเป็นประโยชน์อย่างยิ่งและนับเป็นสิ่งที่เป็นหลักการสำคัญของ "ประชาธิปไตย" ที่แท้จริง
ผมเป็นคนหนึ่งที่ได้เข้าร่วมเวทีรับฟังความเห็นต่อโครงการน้ำ ๓.๕ แสนล้านบาท ที่รัฐบาลจัดขึ้นที่มหาวิทยาลับราชภัฎนครสวรรค์ ในวันนี้
ส่วนใหญ่ผมจะนั่งฟังคนที่มาร่วมในเวทีพูดกัน ไม่รู้เลยว่าอีกมุมหนึ่งของเวทีเกิดเหตุการณ์ที่สร้างความไม่พอใจให้กับคนกลุ่มหนึ่ง
ผมได้รับข้อความที่แชร์ต่อ ๆ กันมาจากคนที่ใช้นามว่า "นายผัดไท รักษ์ป่า" ได้เขียนเล่าระบายถึงสิ่งที่เขาประสบในวันนี้ไว้
ผมอ่านดูแลรู้สึกสงสารเขา และคิดไม่ถึงว่าจะเกิดเหตุการณ์นี้ขึ้น คุณลองอ่านข้อความที่เขาเขียนดูสิ
...........................
นายผัดไท รักษ์ป่า
เวทีน้ำนครสวรรค์ เวทีอัปยศ ของคนนครสวรรค์
...หลังจากที่เราได้เข้าไปภายในบริเวณจัดงานได้เริ่มเห็นผู้คนมาหน้าหลายตาทยอยมาลงทเบียน ซึ่งบางคนก็รู้จักมักคุ้นและอีกหลายๆคนก็ไม่เคบพบหน้ากันมาก่อน คณะเราได้ทำการลงทะเบียนแต่ไม่ได้รับแจกเอกสารคู่มือ ซึ่งกว่าจะลงทะเบียนได้ก็นานอักโขเพราะการบริหารจัดการของเจ้าหน้าที่เรียกว่าไรระเบียบสุดๆ มีการด่าทอประทะคารมจากเจ้าหน้าที่และมวลชนที่ยืนรออย่างหนาแน่น แต่เมื่อมีผู้รู้จักคุ้นเคยมาถึงเจ้าหน้าที่ก็ให้ลัดคิว ที่บริเวณจุดลงทะเบียนของ NGO ที่แถวของชาวบ้านล้นออกมาพาด จนเราต้องออกไปยืนเขียนข้างหลัง
...เมื่อลงทะเบียนเรียบร้อยแล้ว ก็ไปรวมกับทีมงานที่ตั้งบู๊ธ ให้ข้อมูลแจกเอกสารและสติ๊กเกอร์ อยู่ไกล้ๆกับทางเข้าห้องประชุม แจกเอกสารได้สักพัก ท่านผู้ว่าราชการจังหวัดนครสวรรค์ก้ได้มาไล่ให้เรารื้อป้ายและให้เราย้ายออกจากบริเวณนั้น ให้ไปตั้งที่อื่น บอกเกะกะทางเข้ากลัวไม่สะดวก ทั้งๆที่ บริเวณนั้นมีเก้าอี้ ถังขยะ และโต๊ะวางให้ระเกะระกะอยู่ไม่เห็นท่านว่ากระไร ที่จริงมีงานใหญ่ขนาดนี้ ท่านน่าจะเก็บให้เป้นระเบียบด้วยซ้ำ เรากำลังเจราอยู่ ท่านก็ดึงป้ายเราพรวดๆๆ และให้พนักงานมายกโต๊ะพวกเราออก ขณะนั้นนักข้่าวก็กรูเข้ามา ถ่ายรูป
....ถึงตอนนั้นเราก็ต้องยอมหอบเอกสารเดินตามมาพร้อมขอกลับไปอยู่โซนเดิมแต่คนละที่ แต่ท่านไม่ยอม
....พอถึงเวลารับฟังความคิดเห็นก้ประกาศว่ามีผู้ลงทะเบียนพูด จำนวน ๖๐ ท่าน โดยที่เราทีมงาน มีโควต้า ที่จะพูด ๑๒ คน แต่ท่านตัดออก เหลือ ๓ คน บอกว่าคนของท่านมาเยอะ โดยที่การพูดก็มีแต่ กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน อบต. ออกมาหนุนตามระเบียบ โดยมีกองเชียร์ที่อยู่ด้านนอกส่งเสียงเฮ ดังยิ่งกว่าดูมวยตู้ ขณะที่เรา กำลังนั่งฟังอยู่นั้น ท่านอดีต สส.ลาดยาว (ว) ผู้หนึ่งได้เข้ามาในบริเวณงานและมาถึงบริเวณที่คณะของเราแจกเอกสารอยู่ไม่พูดพร่ามทำเพลงเข้ามารื้อ มาดึงป้ายเราออก อย่างน่าเกลียด ท่ามกลางสายตานับ พันคู่ ไม่นึกว่าคนที่มีวุฒิภาวะอย่างท่านจะทำได้ จนทีมงานเราคนหนึ่งต้องเข้าไปเจรา ขอป้ายคืน และกระทบกระทั่งกันเล็กน้อย ต่อมาเหตุการณ์ก็เข้าสู่ภาวะปรกติ
...แต่เมื่อถึง ผู้พูดคนสุดท้ายของคณะท่านผู้สนับสนุนให้สร้างเขื่อน กลับทำให้ทีมงานและผู้สื่อข่าวตะลึง แต่กลับได้รับเสียงเชียร์ลั่นจากกองเชียร์ผู้สนับสนุนเขื่อนราวกับว่า นั่นคือสิ่งที่ถูกต้อง ...ท่านครับ เวทีจัดการน้ำที่นครสวรรค์ เป็นเวทีอันทรงเกียรติ มีผู้หลักผู้ใหญ่มาฟังกันหลายคน โดยเฉพาะคนใหญ่คนโตอย่างคุณปลอดประสพ รองนากยกฯ ท่านปล่อยให้มีการด่าโคตรพ่อโคตรแม่ ออกเครื่องขยายเสียงโดยที่ท่านนั่งฟังแล้วยิ้มอย่างสะใจและมีความสุข ...ท่านเปิดเวทีนี้เพื่อให้มีการด่าทอและขัดแย้งกันโดยไม่มีการบล๊อคเสียง ท่านปล่อยให้ฝ่ายของท่านด่าทอฝ่ายตรงข้ามเยี่ยงสัตว์ตัวหนึ่ง โดยที่ท่านนั่งฟังอย่างมีความสุข เป็นสิ่งที่ถูกต้องหรือครับ คนใดที่เป็นฝ่ายสนับสนุนท่านท่านคิดว่าเป้นฝ่ายที่ทำถูกต้อง แม้จะด่าโคตรพ่อโคตรแม่ฝ่ายตรงข้าม เปรียบฝ่ายตรงข้ามเหมือนสุนัขตัวหนึ่ง ท่านก็คิดว่าถูกต้องหรือครับ
...แต่อีกฝ่ายคือเรา นั่งฟังพวกท่านอย่างสงบ ท่านมาถึงก้รื้อของเราและไล่ไปให้พ้นรัศมีสายตาท่าน และท่านปรบมือลั่นเมื่อฝ่ายของท่านด่าโคตรพ่อโคตรแม่เรา ท่านทำถูกแล้วหรือครับ
...ครับเรายอม เมื่อท่านด่าเราแบบนี้ เราก็เก็บข้าวของเดินออกมาอย่างสงบและงุนงง เดินผ่านสายตาของพวกท่านและมุมปากที่แสยะยิ้มอย่างสะใจที่ได้ด่าเราออกอากาศ เราสิ้นหวังกับพวกท่านครับ เราสิ้นหวังกับอาคตประเทศไทยที่ฝากไว้กับพวกท่าน
...ถ้าท่านคิดว่าสิ่งนี้เป้นสิ่งที่ถูกต้อง ทำไปครับ สักวันสิ่งเหล่านี้จะประหัดประหารท่านเอง สังคมและประชาชนที่ไม่โง่เขลาจะพิพากษาท่านเอง เพราะสิ่งที่ท่านกำลังทำอยู่กำลังติดลบในสายตาประชาชน
.........................
ทุกท่านอ่านแล้วรู้สึกเป็นอย่างไรบ้างครับ
(หมายเหตุ ผมขอโทรคุณผัดไท รักษ์ป่า มา ณ โอกาสนี้ ที่ไม่ได้ขออนุญาตนำข้อความที่ท่านเขียนมาประกอบการเขียนเรื่องเล่าของผมในครั้งนี้ด้วย ทั้งนี้ผมพิจารณาแล้วว่าข้อความของท่านจะเป็นบทเรียนที่เป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาประเทศไทยเรา)

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น