วันพฤหัสบดีที่ 2 มกราคม พ.ศ. 2557

บันทึกส่งท้ายปีเก่า ต้อนรับปีใหม่ (ตอนที่ ๑)

๒ มกราคม ๒๕๕๗

เทศกาลส่งท้ายปีเก่า ๒๕๕๖ และต้อนรับปีใหม่ ๒๕๕๗ ผ่านพ้นไป ทิ้งความรักความอบอุ่น ความทรงจำที่งดงามไว้ในห้วงคะนึงของแต่ละคนให้หวนคิดถึงและยิ้มได้อย่างเต็มตื้น

กว่า ๕ โมงเย็นไปแล้ว ผมและครอบครัว รวม ๒๖ ชีวิต เพิ่งจะเดินทางมาถึงที่พักในค่ำคืนของคืนนี้ที่ “สะเมิงรีสอร์ท” ตำบลสะเมิงใต้ อำเภอสะเมิง จังหวัดเชียงใหม่

จากจุดเริ่มต้นที่มีการปรึกษาหารือผ่านระบบเครือข่ายออนไลน์มาตั้งแต่กลางปี กลายเป็นความคึกคักช่วงใกล้วันเดินทาง อีกทั้งความพิเศษของปีนี้ คือ หลานๆ ได้เสนอตัวที่จะมีส่วนร่วมในการออกค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นในทริปนี้ ซึ่งปกติแล้วที่ผ่านมาความรับผิดชอบจะเป็นเพียงครอบครัวของลูกๆ ๖ ครอบครัวเพียงเท่านั้น จากหาร ๖ จึงกลายเป็นหาร ๑๑ ถือว่าเป็นการ “เฉลี่ยทุกข์เฉลี่ยสุขที่ครอบคลุมกันไปถ้วนหน้า”

สำหรับผมแล้ว นี้เป็นช่วงแห่งความสุขสดชื่นจริงๆ ที่ครอบครัวขยาย อันประกอบด้วยบุคคลหลายช่วงวัยตั้งแต่ ๒ ปี จนถึง ๘๖ ปี มาพบปะกัน ปีหนึ่งๆ ช่วงนี้เป็นช่วงที่ทุกคนตั้งหน้าตั้งตารอคอยที่จะมาพบเจอกัน โดยเฉพาะคนทำงานที่จากบ้านไปไกล ได้กลับมาเยี่ยมบ้าน กราบขอพรจากคุณพ่อ จากปู่ จากตา พบเจอพี่ป้าน้าอา พี่ๆ น้องๆ และจัดกิจกรรมสังสรรค์ในหมู่เครือญาติเดียวกันอย่างสนุกสนาน

บางปีอาจจัดกิจกรรมอยู่ที่บ้าน แต่บางปีก็จะเดินทางไปท่องเที่ยวตามสถานที่ต่างๆ ดั่งเช่นในปีนี้

๒๙ ธันวาคม ๒๕๕๖ จากบ้านที่ตำบลท่าฬ่อ อำเภอเมืองพิจิตร พวกเราออกเดินทางด้วยรถตู้ปรับอากาศอย่างดี จำนวน ๒ คัน ตั้งแต่เวลา ๐๔.๓๐ น. มุ่งหน้าสู่ตำบลดอนทอง อำเภอเมืองพิษณุโลก เพื่อสมทบกับครอบครัวของพี่ชายที่เหมารถตู้รออยู่อีก ๑ คัน

รถตู้ ๓ คัน นำพา ๒๖ ชีวิต ขับลัดเลาะไปตามเส้นทางพิษณุโลก-อุตรดิตถ์-ลำปาง ท่ามกลางอากาศภายนอกอันเย็นยะเยือก สังเกตผ่านไปนอกรถเห็นรถราขับตามกันไปอย่างช้า ๆ เป็นทิวแถวยาว รถแต่ละคันมีกระเป๋าและสัมภาระเต็มหลังคารถ พวกเขาคงมีเป้าหมายเฉกเช่นเดียวกับครอบครัวเราที่จะไปรับไอหนาวบนยอดดอยและภูสูง

กว่า ๑๐ โมงเช้า เราหยุดพักที่แรกบริเวณหน้า “วัดพระธาตุลำปางหลวง” จังหวัดลำปาง แผงร้านค้าในตลาดสดหน้าวัดกลายเป็นสถานที่เติมพลังยามเช้า ด้วยอาหารที่จัดเตรียมมาจากบ้าน ทั้งหมูคั่วเค็ม ปลาทอด เนื้อทอดและหมูทอดกับข้าวเหนียวที่ยังอุ่นชวนลิ้มลอง

หลังจากอิ่มท้อง แต่ละคนก็แยกย้ายกันไปกราบไว้ขอพรจากสิ่งศักดิ์สิทธิ์ในวัด ท่ามกลางผู้คนแน่นขนัดที่มาจากทั่วทุกสารทิศ

และเมื่ออิ่มใจแล้ว พวกเราก็มุ่งหน้าสู่จังหวัดลำพูน แวะขอพรที่ “วัดพระธาตุหริภุญไชย” สถานการณ์ก็เป็นเช่นเดิมที่ไม่รู้ผู้คนมาจากไหนกันมากมายเต็มแน่นบริเวณวัดไปหมด

แม้คุณพ่อผมวัยจะล่วงเลยมากว่า ๘๖ ปีแล้ว แต่สายตาและใบหน้าท่านกลับเต็มไปด้วยรอยยิ้มแห่งความปลาบปลื้ม คงเป็นเพราะได้เห็นลูกหลานมารวมตัวกันอย่างพร้อมหน้า และได้มากราบขอพรสิ่งศักดิ์สิทธิ์ในวัดที่สวยงามมากทั้ง ๒ แห่งนี้

เวลาแห่งความสุขได้หมุนไปอย่างรวดเร็ว คณะเราแวะฝากท้องมื้อกลางวันที่ล่วงเลยมาเป็นเวลาบ่ายคล้อยที่ปั๊มน้ำมันแห่งหนึ่งบริเวณแยกดอยติ จังหวัดลำพูน ที่มีศูนย์อาหารคอยบริการผู้ผ่านทาง ทั้งขนมจีน ข้าวแกง ก๋วยเตี๋ยว จนทุกคนอิ่มหนำสำราญ

เราเดินทางผ่านจังหวัดเชียงใหม่ มุ่งหน้าไปตามถนนสายแม่ริม แน่นอนรถราติดยาวเหยียดไม่ต่างไปจากสถานที่ที่เราผ่านมา สองข้างทางเต็มไปด้วยร้านค้าขายผลไม้ ทั้งสตอร์เบอร์รี่ ส้ม พุทรา ที่ถูกจัดวางไว้อย่างเป็นระเบียบสวยงามดึงดูดให้คนเดินทางได้แวะซื้อหา

จนในที่สุดพวกเราก็เดินทางมาถึง “สวนพฤกษศาสตร์สิริกิติ์” ภายในบริเวณสวน เต็มไปด้วยดอกไม้นานาชนิด ที่ถูกใจผมมากคงจะเป็น “กุหลาบนับร้อยพันธุ์หลากสี” ที่ทำให้ตากล้องสมัครเล่นอย่างผมใช้เวลาไปกับการเก็บภาพความสวยงามและแปลกตาของเหล่ากุหลาบเหล่านั้น

แต่ละครอบครัวต่างแยกย้ายกันเก็บภาพเป็นกลุ่ม ๆ ครู่เดียวภาพเหล่านั้นก็ถูกโพสต์ผ่านเฟซบุ๊คให้เพื่อนๆ ของแต่ละคนได้ชื่นชมและอิจฉากัน

บรรยากาศก็ชวนสนุกคึกคักยิ่งนักด้วยเสียงดนตรีรื่นเริงรับปีใหม่บรรเลงกังวานไปทั่วสวน พิธีกรส่งเสียงผ่านลำโพงชวนคุย แนะนำพร้อมกระเซ้าเย้าแหย่ สร้างรอยยิ้มให้กับนักท่องเที่ยวที่หนาตา หลากหลายวัยได้เป็นอย่างดี

ล่วงมากว่า ๕ โมงเย็น แดดผีตากผ้าอ้อมใกล้จะหลบฟ้า แม้หลายคนยังแสนเสียดายที่เดินชมไม่รอบสวนเลย แต่เราต้องเดินทางต่อไปยังที่พักคืนนี้ ทุกคนต่างก้าวขึ้นรถตู้ที่มาจอดรอ ณ จุดนัดหมาย

ที่พักของเรา ณ อำเภอสะเมิง ห่างออกไปอีกประมาณ ๔๐ กิโลเมตร รถตู้ทั้ง ๓ คัน วิ่งตามกันไปบนถนนที่คดเคี้ยวลัดเลาะผ่านขุนเขาเขียวขจี บางช่วงเป็นโค้งหักศอก จนรถต้องชะลอความเร็วใช้เกียร์ต่ำไต่ไปตามถนน ผู้โดยสารหลายคนเกิดอาการเมารถไปตาม ๆ กัน

ต้องบอกว่าที่ผมรู้จักที่แห่งนี้ก็เนื่องจากในช่วงเดือนตุลาคมที่ผ่านมา ได้มีโอกาสมาดูงานและได้มาพักที่นี่ และทราบว่าเจ้าของเป็นบุคคลที่อยู่ในวงการสุขภาพด้วย จึงได้ประสานงานและขอจองบ้านพักไว้ตั้งแต่ช่วงนั้น เดิมได้จองบังกะโลไว้ ๕ หลัง แต่วันนี้พี่ที่ดูแลบอกว่า ให้ย้ายไปที่บ้านหลังใหญ่ซึ่งมี ๔ ห้องนอนแทน จึงเป็นที่ถูกอกถูกใจกับครอบครัวเราเป็นอย่างยิ่ง

นอกจากบ้านที่เราใช้พักแล้ว พวกหนุ่ม ๆ ต่างก็ช่วยกันกางเต็นท์ที่เตรียมมาจากบ้าน เรียงรายบริเวณหน้าบ้านพักเกือบสิบหลัง ล้อมรอบกองไฟให้ไออุ่นที่ถูกจัดเตรียมไว้ เหล่าผู้หญิงก็จัดเตรียมอาหารมื้อเย็นเตรียมพร้อมสำหรับครอบครัวสุขสันต์กันอย่างคึกคัก

อาหารเย็นวันนั้น ก็คือ หมู ปลา เนื้อที่ถูกจัดเตรียมมาจากบ้าน ผสมกับอาหารสำเร็จรูปที่แวะซื้อจากร้านค้าสะดวกซื้อระหว่างทาง

กลุ่มเด็ก ๆ เริ่มเข้าที่ล้อมวงจับกลุ่มเล่นเกมสมัยใหม่ผ่านเครื่องคอมพิวเตอร์บ้าง โทรศัพท์มือถือบ้าง หลังจากที่อิ่มจากอาหารเย็นที่พ่อแม่แต่ละคนจัดเตรียมให้

กลุ่มหนุ่ม ๆ เริ่มล้อมวงสังสรรค์กันด้วยน้ำชาจากต่างประเทศ เล่นกีต้าร์ร้องเพลงส่งเสียงเจื้อยแจ้ว สร้างความสนุกสนานครื้นเครง

บรรดาสาว ๆ ก็จับกลุ่มคุยกันตามประสา บางคนก็หยิบสมาร์ทโฟนมาโพสต์รูปถ่ายสนทนากับเพื่อนฝูงที่อยู่ไกลออกไปผ่านระบบเครือข่ายออนไลน์กันไปตามประสาวัยรุ่น

ข้างกลุ่มผู้ใหญ่หน่อยก็ล้อมวงเล่นเกม “หมากัด” ซึ่งเป็นเกมไพ่ชนิดหนึ่ง เรียกเสียงฮือฮาในยามที่ตัวเองเก็บเงิน ในขณะที่บางคนก็บ่นพึมพำยามที่ไพ่ตัวเองไม่มีแต้มไปต่อสู้กับคนอื่น

แม้ความสนุกสุขสดชื่นยังไม่จางหาย แต่เมื่อน้ำค้างเริ่มแรงขึ้น ควันกรูออกจากปากยามเราเอ่ยคำ ความเหนื่อยล้าจากการเดินทางเริ่มมาเยือน ความหนาวเย็นเริ่มไม่ปราณีผู้ใด จึงถึงเวลาที่ทุกคนเริ่มแยกย้ายกันไปหลับใหล

ผมละจากวง “หมากัด” เพื่อขอตัวไปนอนในเต็นท์หลังใหญ่สุด ระหว่างทางที่เดินผ่านได้ยินเสียงเรือกลไฟปล่อยหวูดดังสลับจากเต็นท์โน้นทีเต็นท์นี้ทีเป็นจังหวะจะโคน

กว่าผมจะหลับลงได้ก็ต้องใช้เวลาข่มใจ และบอกกับตัวเองว่าเสียงที่กำลังได้ยินนั้น คือบทเพลงบทใหม่ที่ธรรมชาติได้เรียบเรียงเสียงประสานไว้อย่างกลมกล่อม พร้อมกับการละวางสิ่งที่รอคอยที่จะพบกับความสนุกสนานที่จะมาเยือนในวันรุ่งขึ้นอย่างใจจดจ่อลง

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น