วันศุกร์ที่ 24 มกราคม พ.ศ. 2557

บันทึกสุชนทัศนาจร (ตอนที่ ๑)

๒๔ มกราคม ๒๕๕๗

หลังจากที่หลายๆ คนต่างคร่ำเคร่งกับงานประจำ อีกหลายคนก็เคร่งเครียดกับสถานการณ์บ้านเมืองมาอย่างต่อเนื่องข้ามปี วันนี้และนับต่อจากนี้ไปอีกสองวัน ชาวสุชนหรือบรรดาคนทำงานจากสำนักงานคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ (สช.) กว่า ๕๐ ชีวิต ก็ถึงเวลาพักสมอง(ชั่วขณะ) และเดินทางไปสัมผัสอากาศหนาวเย็นบนเขาค้อ จังหวัดเพชรบูรณ์ ร่วมกัน

น้องที่เป็นฝ่ายจัดเตรียมงานในครั้งนี้ย้ำนักย้ำหนากับพวกเราถึงความหนาวเย็นและองศาของอุณหภูมิที่แตกต่างจากเมืองหลวง

รถตู้ ๘ คัน มาจอดรอล่วงหน้า ผมถูกกำหนดให้นั่งรถคันที่ ๒ พร้อมกับเพื่อนร่วมคณะอีก ๔ คน เมื่อถึงเวลา ๐๗.๒๐ น. คาราวานสุชนก็ต่างเคลื่อนตัวออกจากหน้าสำนักงานมุ่งสู่เป้าหมาย

รถคันที่ผมนั่ง มีน้อง “โอเล่” ทำหน้าที่สารถี และมี “คุณเล็ก” สาวมหิดล เจ้าของบริษัท “เพื่อนท่องเที่ยว” ทำหน้าที่ไกด์แนะนำและคอยบริการ คณะของเรามี ๕ ชีวิต ประกอบด้วย หมอประจักษ์วิชช์ พี่ก๊อต อ้อม จุ๋ม และตัวผม ระหว่างเดินทางก็มีเสียงเพลงที่เหมาะกับวัยผู้โดยสาร ทั้งอรวี สัจจานนท์ พงษ์เทพ กระโดนชำนาญ แจ้-ดนุพล แก้วกาญจน์ คอยขับกล่อมผู้โดยสารให้หลับสบายตลอดทาง

จุดหมายแรก ขบวนของเราจอดที่ “ไร่ทานตะวัน” แห่งหนึ่ง ณ อำเภอพัฒนานิคม จังหวัดลพบุรี เสียงกดชัตเตอร์ทั้งจากกล้องถ่ายภาพตัวเก่งหรืออุปกรณ์สมาร์ทโฟนดังอย่างต่อเนื่องไม่หยุดหย่อน โดยไม่กลัวเปลืองหน่วยความจำ อดคิดไม่ได้ว่าถ้าเป็นยุค “ฟิล์ม” เสียงลั่นชัตเตอร์คงเงียบเหงาเป็นแน่แท้

ครู่เดียวภาพใบหน้าแนบดอกทานตะวันในอิริยาบถที่หลากหลายก็ถูกส่งผ่านสังคมออนไลน์ ทั้งเฟจบุ๊ค (Facebook) ทั้งไลน์ (Line) ทั้งอินตราแกรม (Instagram) โดยทันที พร้อมกับข้อความแสดงความคิดเห็นติดตามมาฉับพลัน โอ้! โลกยุคไอทีนี้ช่างรวดเร็วเสียจริง

จุดแวะที่ ๒ พวกเราแวะดู "ฟาร์มวัวนม" ที่อยู่ห่างไปไม่ไกลจากไร่ทานตะวันเท่าใดนัก มีทั้งแม่วัว พ่อวัว และลูกวัวอยู่ในคอกหลายสิบตัว แต่เป็นที่น่าเสียดายที่เลยช่วงการรีดนมวัวไปแล้ว จึงทำได้เพียงแวะขอเข้าไปถ่ายรูปกับวัวแทน “นี่ขนาดวัวยังไม่เว้น” ผม (แอบ) คิดในใจ

ครู่เดียวรถก็เลี้ยวซ้ายเข้าสู่ “ร้านไก่ย่างบัวตอง” ตรงสามแยกวิเชียรบุรี จังหวัดเพชรบูรณ์ ทีมงานสุชนต่างจับจองที่นั่ง ที่ได้จัดเตรียมอาหารกลางวันไว้พร้อมแล้ว ทั้งไก่ย่าง ปลาดุกย่าง ลาบเป็ด ต้มไก่ ส้มตำ น้ำพริกปลาหวาน ซึ่งก็ไม่ผิดหวัง ต่างลิ้มรสอาหารทุกชนิดอย่างถ้วนหน้าจนอิ่มหนำ

เสียง “โอเล่” เอ่ยบอกกับทุกคนในรถว่า “ช่วงนี้จะใช้เวลาประมาณ ๒ ชั่วโมง ที่จะเดินทางสู่สถานที่ต่อไป นั่นก็คือ “วัดผาซ่อนแก้ว” ซึ่งตั้งอยู่บนยอดเขา บริเวณตำบลแคมป์สน อำเภอเขาค้อ จังหวัดเพชรบูรณ์”

หลายคนจึงใช้เวลาในช่วงนี้พักสายตาและหลับคอพับคออ่อนไปตามๆ กัน บางครั้งก็มีเสียงเรือกลไฟปล่อยเสียง “ครืดคราด” ให้ได้ยินเป็นครั้งคราว

วัดพระธาตุผาแก้ว เป็นศาสนสถานที่สร้างขึ้นท่ามกลางธรรมชาติและบรรยากาศที่เงียบสงบบนเทือกเขาสลับซับซ้อนโดยรอบ มีพระเจดีย์ที่งดงามโดดเด่นเป็นสง่าอยู่บนยอดเขา คือ “เจดีย์พระธาตุผาซ่อนแก้ว สิริราชย์ธรรมนฤมิต” ตกแต่งอย่างสวยงามด้วยกระเบื้องหลากหลายสี เครื่องประดับ พลอย สร้อย กำไล ถ้วยชามเครื่องเบญจรงค์ เป็นต้น ที่นำมาตกแต่งทีละชิ้นๆ จนทั่วองค์พระเจดีย์

รอบ ๆ องค์พระเจดีย์แบ่งเป็นสถานที่พักของนักปฏิบัติธรรม และเขตสังฆาวาส แยกเป็นสัดส่วน ที่สะดุดตา กว่าสถานที่ปฏิบัติธรรมแห่งอื่นๆ คือ อาคารที่พักของนักปฏิบัติธรรมสวยงามกลมกลืนไปกับธรรมชาติโดยรอบ ด้วยยึดหลักที่ว่าหากได้อยู่ในสถานที่สงบสวยงาม จิตใจก็จะสงบได้โดยง่าย

“วัดพระธาตุผาแก้ว” เดิมชื่อ “พุทธธรรมสถานพระธาตุผาซ่อนแก้ว” เริ่มก่อสร้างในราวปลายปี ๒๕๔๗ โดย “คุณภาวิณี - คุณอุไร โชติกูล” ได้มีจิตศรัทธาซื้อที่ดินถวายเริ่มแรกจำนวน ๒๕ ไร่ เพื่อก่อสร้างเป็นสถานที่ปฏิบัติธรรมแก่พระสงฆ์ และพุทธศาสนิกชนทั่วไป แต่ปัจจุบันมีผู้ร่วมถวายปัจจัยซื้อที่ดินเพิ่มรวมทั้งสิ้นมีที่ดินรวม ๙๑ ไร่

บนยอดเขาสูงตระหง่าน มีถ้ำอยู่บนปลายยอดเขา ซึ่งมีชาวบ้านหลายคน ได้เห็นลูกแก้วลอยเหนือฟากฟ้า และลับหายเข้าไปในถ้ำบนยอดผาบ่อยครั้ง

ชาวบ้านเชื่อว่าเป็นพระบรมสารีริกธาตุเสด็จมา และต่างถือว่าเป็นสถานที่มงคล มีความศักดิ์สิทธิ์และเรียกตามๆ กันว่า "ผาซ่อนแก้ว" และพุทธสถานที่ที่มาตั้งในจุดที่โอบล้อมด้วยทิวเขาดังกล่าว จึงเรียกว่า "พุทธธรรมสถานผาซ่อนแก้ว" เพื่อเป็นนิมิตมงคลแก่ชาวบ้านบริเวณนั้นและผู้มาปฏิบัติธรรมสืบไป

คณะของเราต่างเข้าไปสักการะขอพรจากพระธาตุที่ตั้งอยู่ในเจดีย์ที่สวยงาม และก็เช่นเดิมทุกย่างก้าวเต็มไปด้วยเสียงชัตเตอร์ดังเดิมและการส่งผ่านสู่สังคมออนไลน์โดยมิรอช้า

ตะวันเริ่มคล้อยต่ำใกล้เส้นขอบฟ้า เสียงสัญญาณบอกว่าถึงเวลาเดินทางต่อไปยังโรงแรมที่พัก

“โรงแรมอิมพีเรียล ภูแก้ว” โรงแรมระดับห้าดาวถูกตกแต่งไว้อย่างสวยงาม บ้านพักหลากสไตล์ยุโรป มองไปเห็นปล่องไฟบนหลังคา ปลูกสร้างอยู่ตามเชิงเขา สูงต่ำรายเรียง มองเข้าไปดูสวยงามยิ่งนัก

คืนนี้ไม่มีกิจกรรมอะไรพิเศษเพื่อให้ทุกคนได้มีโอกาสพักผ่อนอย่างเต็มที่จากการเดินทางมาตั้งแต่รุ่งเช้า และนัดหมายกันอีกครั้งในเวลา ๘ โมงเช้าวันรุ่งขึ้น

แม้ทีมงานจะอยู่ในระหว่างเดินทางท่องเที่ยว แต่หลายคนก็คอยเฝ้าติดตามความเคลื่อนไหวของสถานการณ์บ้านเมือง โดยเฉพาะการรอฟังคำตัดสินของศาลรัฐธรรมนูญกรณีที่ทางคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ยื่นเรื่องให้ตีความ ซึ่งผลก็ปรากฏมาว่า “สามารถเลื่อนเลือกตั้งได้ โดยให้ทางรัฐบาลและ กกต. ไปหารือกัน” แต่อย่างไรก็ตามก็คงต้องเฝ้าดูปฏิกิริยาของฝ่ายต่างๆ ต่อไปว่า คำตัดสินของศาลรัฐธรรมนูญนี้ จะมีผลให้สถานการณ์บ้านเมืองสงบลงหรือไม่ อย่างไร

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น