๒๓ มกราคม ๒๕๕๗
“ผมจะเป็นความรัก และจะส่งมอบความปรารถนา การช่วยเหลือและการเป็นที่ปรึกษาที่มีแต่ความรักให้กับคนรอบข้าง”
นี้เป็นคำพูดที่ผมได้ตอบ “มาร์ติน่า สแปรงเกอร์ส” หญิงสาวผู้มีพลังเปล่งประกาย นำสารแห่งความรักและพลังบวกมาสู่หัวใจของทุกคน ในระหว่างที่เธอได้เดินทางมาเป็นวิทยากรให้กับบุคลากรของสำนักงานคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ (สช.) ในเวที Learning Session ที่จัดขึ้นเมื่อวันที่ ๒๑ มกราคม ๒๕๕๗ ที่ผ่านมา
เธอเป็นชาวมาเลเซียแต่มาเติบโตในประเทศไทยจนที่นี่กลายเป็นบ้านเกิด จบการศึกษาที่โรงเรียนนานาชาติร่วมฤดีอินเตอร์ และได้ศึกษาต่อทางด้านสื่อสารมวลชนที่ University of California Los Angeles (UCLA) เธอแต่งงานกับ “แฮรี่ สแปรงเกอร์ส” นักธุรกิจชาวเนเธอร์แลนด์ที่มาประกอบธุรกิจในประเทศไทย มีบุตรด้วยกัน ๑ คน งานอดิเรกของเธอเป็นนักร้องให้กับวง Bangkok Opera และเขียนบทความให้กับนิตยสารต่าง ๆ หลายฉบับ
เธอเชื่อว่า “คนเราทุกคนล้วนเกิดมามีความพิเศษอยู่ในตัวเอง ดึงส่วนชัดเจนนั้นออกมา แล้วนำพาชีวิตไปสู่ความสำเร็จ และอย่าดูถูกความสามารถของตัวเองเด็ดขาด หรือเอาตัวเองไปเปรียบเทียบกับคนอื่น โปรดใช้ความพิเศษนั้นให้เป็นประโยชน์กับตัวเราและผู้อื่น เราเองในฐานะผู้ให้ก็จะได้รับสิ่งดี จงสร้างชีวิตให้เป็นปาฏิหาริย์ ไม่ว่าชีวิตนั้นจะโยนสิ่งใดมาให้เรา”
สิ่งที่เป็นแรงบันดาลใจสำคัญของ “มาร์ติน่า” ในการดำเนินชีวิต คือ “การตระหนักถึงคุณค่าอย่างลึกซึ้งของการใช้ชีวิตในทุกสถานการณ์ ขอบคุณในทุกเรื่องราวที่เดินผ่านเข้ามาในชีวิต จงสำรวจเข้าไปภายในชีวิตให้เห็นถึงศักยภาพของตนเอง เพื่อสร้างความท้าทายและรับมือกับสิ่งใหม่ๆ ที่เกิดขึ้นในทุกขณะ”
ดังนั้นเคล็ดลับในการใช้ชีวิตแบบนี้ จงปรับเปลี่ยนจาก “มี (Have) ทำ (Do) เป็น (Be)” มาเป็น “เป็น (Be) ทำ (Do) มี (Have)”
“มาร์ตินา” อธิบายว่า คนเรามักจะมีนิสัยที่เริ่มจาก “มี ทำ เป็น” ตัวอย่างเช่น “เราอยากมีความสุข จึงเดินทางตามหาความสุข เพื่อหวังว่าจะทำให้ตัวเองเป็นผู้ที่มีความสุข”
ผมคิดตาม “มาร์ตินา” จึงเข้าใจเลยว่านี้คือ “วิธีคิดที่คาดหวังให้คนรอบข้างเป็นผู้ทำให้เราเป็นผู้มีความสุข โดยตัวเราเองนั่งคอยแต่รอรับความสุขเหล่านั้นที่จะเดินทางเข้ามาหา”
เช่น “วันนี้เราอยากไปทำงานอย่างมีความสุข จึงพยายามเรียกร้องให้เพื่อนร่วมงานสร้างความสุขให้เรา ซึ่งอาจจะมีเพื่อนบางคนทำให้ได้ แต่บางคนก็อาจไม่สนใจ และนั้นอาจทำให้เราเองโกรธเคืองเพื่อนคนที่ไม่สนใจ หรือไม่ยอมสร้างความสุขให้กับเรา”
“มาร์ตินา” จึงเสนอให้เปลี่ยนแปลงตัวเองเสียใหม่ มาเป็น “เป็น ทำ มี” ซึ่งหมายความว่า “ทำตัวเองให้เป็นผู้มีความสุขเสียก่อน และให้ทำอะไรลงไปตามที่ตัวเองเป็น ก็จะทำให้เรามีความสุขในที่สุด”
“มาร์ติน่า” ขยายความเพิ่มเติมในเรื่อง “ทำ” ว่า นี้เป็นเรื่องของ “เกมชีวิต”
“มนุษย์ล้วนเล่นเกมชีวิตกันทุกคน”
“อยากมีอะไร ตัวเราต้องเป็นเช่นนั้นก่อน และเล่นเกมชีวิตตามที่เราเป็น”
“ถ้าเราต้องการมีความสุข เราต้องเป็นความสุขเสียก่อน”
เมื่ออธิบายจนทุกคนที่เข้าร่วมพอเข้าใจแล้ว “มาร์ตินา” ได้บอกให้แต่ละคนเขียนใส่กระดาษว่า ตนเองต้องการ “เป็น-ทำ-มี” อะไร
ผมเขียนคำว่า “ความรัก” ไว้บนกระดาษแผ่นนั้น
และเมื่อ “มาร์ติน่า” ถามต่อว่า "แล้วเกมชีวิตของคุณคืออะไร”
ผมก็เขียนข้อความต่อว่า “ความปรารถนาดี การช่วยเหลือและการเป็นที่ปรึกษา” ไว้บนกระดาษแผ่นเดียวกัน
หลังจากที่ทุกคนเขียนเสร็จแล้ว “มาร์ติน่า” ได้สอบถามผมว่า “เขียนอะไรไว้บนกระดาษบ้าง”
“ผมอาจจะโรแมนติกสักหน่อยนะครับ ผมเขียนไว้ว่า “ความรัก” ซึ่งก็แปลว่า ผมจะเป็นความรัก และเล่นเกมชีวิตเพื่อให้ตนเองมีความรัก นั่นก็คือ จะส่งมอบความปรารถนา การช่วยเหลือและการเป็นที่ปรึกษาที่มีแต่ความรักให้กับคนรอบข้าง”
“เยี่ยมมาก” คือคำพูดที่ออกมาจาก “มาร์ติน่า”
ผมเก็บข้อแนะนำนี้มาคิดต่อ แล้วตั้งคำถามกับตัวเองว่า “วิธีคิดแบบนี้นำมาใช้กับเหตุการณ์บ้านเมือง ที่คนไทยมีความแตกแยกอย่างรุนแรงอยู่ในขณะนี้ได้ไหม”
“หากคนไทยทุกคนปรับตัวเองให้ “เป็น” เสียก่อน เช่น เป็นผู้ที่รักบ้านเมือง เป็นผู้ละอายต่อบาป เป็นผู้สร้างประชาธิปไตยที่แท้จริง และทุกคนก็ “ทำ” หรือเล่น “เกมชีวิต” บนสิ่งที่แต่ละคนเป็น ประเทศไทยเราก็จะ “มี” อย่างที่แต่ละคน “เป็น” ได้ตามที่มุ่งหวัง"
มาร่วมกันสร้างประเทศไทยให้น่าอยู่ร่วมกันอีกครั้งนะครับ ด้วยคำเพียง ๓ คำ ปรับเปลี่ยนตัวเองให้ “เป็น (Be)” แล้ว “ทำ (Do)” ตามนั้น ผลออกมาก็จะ “มี (Have)” ตามที่ตัวเองเป็นอย่างแน่นอน
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น