วันจันทร์ที่ 14 ตุลาคม พ.ศ. 2556

รัฐบาลยิ่งลักษณ์กับกองทุนสวัสดิการชุมชน

๑๔ ตุลาคม ๒๕๕๖
ตกใจเป็นที่สุดที่เพิ่งรู้ข้อมูลจากรายการ "เปิดปม" ทาง TPBS เมื่อสักครู่ว่า รัฐบาลภายใต้การบริหารของนายกรัฐมนตรีที่ชื่อ "ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร" ได้ตัดงบประมาณสำหรับสนับสนุนกองทุนสวัสดิการชุมชนในปี ๒๕๕๗ จนเหลือศูนย์บาท จากที่ทาง พอช.ขอตั้งไป ๑,๒๐๐ ล้านบาท
ที่ผมตกใจก็เพราะ ในช่วงเดือนพฤษภาคม ๒๕๕๖ ที่ผ่านมา ผมได้มีโอกาสเข้าร่วมเวทีถอดบทเรียนการจัดสวัสดิการชุมชนของจังหวัดนครปฐม ซึ่งมีทั้งหมด ๑๐๑ กองทุน และได้เห็นคุณค่าและประโยชน์ที่เกิดจากกองทุนนี้อย่างหลากหลาย เป็นกองทุนที่ทำให้คนมีการเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่กัน นำความเป็นพี่เป็นน้องกับคืนมา สร้างสังคมแห่งการแบ่งปัน
ผมยังจำเสียงของผู้อาวุโสรายหนึ่งที่พูดขึ้นระหว่างการจัดเวทีในครั้งนั้นได้ว่า "สิ่งที่กลัวที่สุดในตอนนี้คือความไม่ต่อเนื่องของนโยบายของรัฐบาล"
วันนั้นเมื่อผมได้ยินแล้ว ไม่เคยคิดว่าจะเป็นจริงชนิดถอนรากถอนโคน เพราะคิดเพียงว่าคงไม่ถึงกับตัดงบจนไม่เหลือเลย แต่อาจจะปรับลดงบประมาณลงมาบ้างเท่านั้น แต่ปรากฎว่าผมคาดผิด
ต้องบอกว่าเงินที่นำมาจัดสวัสดิการชุมชนมาจาก ๓ ส่วนที่เรียกว่า งบ ๓ ขา ขาแรกมาจากการออมของสมาชิกกองทุน ขาที่สองมาจาก อปท. และขาที่สามมาจากงบประมาณจากรัฐบาล ผ่านทางสถาบันพัฒนาองค์กรชุมชร หรือ พอช.
แท้จริงแล้วจุดเริ่มต้นของกองทุนสวัสดิการชุมชนนั้นมีมานานแล้ว แต่เป็นการทำกันเองของคนในชุมชน ที่มีชื่อเสียงโด่งดังก็ได้แก่ ที่บ้านคลองเปี๊ยะ สงขลา เป็นต้น
รัฐบาลในสมัยนายกสุรยุทธ จุลานนท์ โดยมีรัฐมนตรีว่าการกระทรวง พม. ที่ชื่อ อาจารย์ไพบูลย์ ศิริวัฒนธรรม เป็นผู้ผลักดันจนรัฐบาลมีการสนับสนุนงบประมาณ เพื่อความมั่นคงและขยายสวัสดิการให้กว้างขวางมากขึ้น
รัฐบาลในยุคนายกอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ก็ให้การสนับสนุนนโยบายนี้มาอย่างต่อเนื่อง หรือแม้แต่รัฐบาลชุดปัจจุบันใน ๒ ปีแรกที่มาบริหารประเทศ
ผมไม่รู้สาเหตุของการไม่สนับสนุนงบประมาณของรัฐในครั้งนี้ ซึ่งผมคิดว่ารัฐบาลน่าจะอธิบายให้กับสังคมได้รับรู้โดยทั่วกัน เพราะไม่เช่นนั้น ชาวบ้านจะคิดไปว่า รัฐบาลถังแตก รัฐบาลให้ความสำคัญนโยบายประชานิยมมากกว่า ตามที่สื่อตั้งประเด็นจริง
ในเวทีที่ผมได้ไปเรียนรู้ในครั้งนั้น ผมเห็นหลายกองทุนที่นครปฐมสามารถดูแลคนในชุมชนได้อย่างเข็มแข็ง สามารถจัดสวัสดิการให้กับสมาชิกกว่า ๑๐ รายการ บางกองทุนสามารถนำไปทำนุบำรุงวัฒนธรรมประเพณี ดูแลสิ่งแวดล้อม แม้แต่คนยากไร้ คนพิการ แทนรัฐบาล
อยากกล่าวซ้ำอีกครั้งว่า ผมตกใจกับข่าววนี้ จริง ๆ และนอกจากตกใจแล้วยังเสียดายต่อการที่รัฐบาลไม่ให้ความสำคัญกับการสร้างความเข้มแข็งของชุมชนฐานล่างของประเทศครั้งนี้
สิ่งที่เกิดขึ้นครั้งนี้ทำให้ผมคิดถึงคำกล่าวของคุณหมอประเวศ วะสี ที่เคยกล่าวไว้ว่า หากจะสร้างประเทศให้มั่นคง ต้องสร้างให้ชุมชนเข้มแข็ง เปรียบเหมือนการก่อเจดีย์ที่ต้องสร้างจากฐานขึ้นมาจนถึงยอด ไม่ควรสร้างเจดีย์จากยอดไปหาฐาน
แต่รัฐบาลกำลังสร้างเจดีย์จากยอดลงไปหาฐาน ซึ่งวันหนึ่งเจดีย์องค์นี้จะล้มครืน
ผมขอกราบวิงวอนอีกครั้งครับท่านรัฐบาล ขอให้ทบทวนนโยบายเรื่องนี้โดยเร่งด่วนเถิด เพราะนอกจากจะสร้างความมั่นคงให้กับประเทศในระยะยาวแล้ว หากท่านทำจริงท่านจะได้เสียงจากประชาชนทั่วประเทศไม่ยิ่งหย่อนไปกว่านโยบายประชานิยมที่ท่านกำลังดำเนินการอยู่ อย่างแน่นอน

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น