วันพฤหัสบดีที่ 24 ตุลาคม พ.ศ. 2556

การเรียนรู้ที่ไม่จำเป็นต้องสอน

๒๔ ตุลาคม ๒๕๕๖
ผมขอยืนยันว่า "การเรียนรู้ไม่จำเป็นต้องสอน" เป็นจริงได้ ถ้ามีการออกแบบกระบวนการเรียนรู้อย่างมืออาชีพ
ผมไม่ใช่นักการศึกษา ไม่ใช่ครู แต่เหตุที่ทำให้ผมกล้ากล่าวเช่นนั้นเพราะมันเกิดขึ้นจากประสบการณ์จริงของผมในวันนี้
วันนี้ผมได้รับคำร้องขอแกมบังคับให้ช่วยเป็นวิทยากรประจำกลุ่ม พาผู้เข้ารับการอบรมพัฒนาศักยภาพในหลักสูตร "นักสานพลัง" ไปเรียนรู้ในเรื่อง "ธรรมนูญสุขภาพระดับพื้นที่" ที่ตำบลหนองยาว อำเภอพนมสารคาม จังหวัดฉะเชิงเทรา
ก่อนจะถึงวันนี้ น้องที่รับผิดชอบงานนี้ได้ให้ใจกับงานนี้เต็มที่ ออกแบบงานเสร็จก็เชิญผู้รู้และผู้แทนผู้เข้าอบรมมาขอคำปรึกษา ลงไปพูดคุยกับคนในพื้นที่เพื่อซักซ้อมบทบาท เนื้อหาและวิธีการที่จะเรียนรู้ เชิญชวนผู้คนที่จะทำหน้าที่ต่าง ๆ ในงานนี้มาพูดคุยกันอย่างละเอียดยิบ แม้กระทั่งเมื่อคืนก่อนวันทำงานจริง ก็ยังชวนผู้คนมาปรึกษาหารือกันอีกรอบ
ผมลืมบอกไปว่าผู้เข้ารับการอบรมหลักสูตรนี้ล้วนเป็นผู้มีประสบการณ์ในการทำงานในพื้นที่ในบทบาททีแตกต่างกัน บ้างเป็นด๊อกเตอร์จากมหาวิทยาลัย บ้างเป็นนายก อบต. บ้างเป็นนักวิชาการ บ้างเป็นแกนประชาสังคม บ้างเป็นข้าราชการหน่วยงานรัฐ อายุก็มีตั้งแต่ ๒๐ ปีเศษ จนถึง ๖๐ เศษ จึงนับว่าทุกคนล้วนมีทุนอยู่ในตัวที่อาจจะกล่าวได้ว่า "เดินไปไหนมีรอยตามตัวเต็มไปหมด เพราะเขี้ยวลากดิน" กันทุกคน
กระบวนการที่ออกแบบไว้ไม่ยากครับ ตั้งโจทย์ที่ต้องการให้นักสานพลังได้เรียนรู้ แล้วโยนโจทย์นี้และให้เวลาไปเตรียมตัวกัน
ในวันนี้ทางพื้นที่ได้เตรียมผู้คนที่เกี่ยวข้องทั้งที่มาจากท้องถิ่น ท้องที่ ครู และห่วยงานที่เกี่ยวข้องนับ ๑๐ คน มาให้ข้อมูลด้วย
เข้าสู่กระบวนการง่ายนิดเดียวครับ ผมทำเพียงแนะนำตัวเอง แนะนำวัตถุประสงค์ และฝากตัวเป็นศิษย์ขอมาเรียนรู้ เท่านั้น ส่วนที่เหลือก็เป็นเวทีของพื้นที่นำเสนอ และการซักถามจากกลุ่มนักสานพลังตามโจทย์ที่วางแผนไว้เมื่อวาน
๓ ชั่วโมงผ่านไป ผมหยิบไมโครโฟนอีกครั้งหนึ่ง กล่าวขอบคุณ และชวนกินข้าวกลางวันกัน
ภาคบ่ายขอใช้เวลาอีก ๒ ชั่วโมง เฉพาะกลุ่มนักสานพลัง เพื่อให้ช่วยกันสรุปการเรียนรู้ตามโจทย์ที่บอกไว้ โดยผมทำหน้าที่เพียงบอกเรื่องการบรหารเวลาเท่านั้น
ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อครับ ข้อสรุปที่ออกมาเป็นเรื่องราวที่มีคุณค่า ครอบคลุมเนื้อหาที่ออกแบบไว้อย่างครบถ้วน และบางเรื่องราวเป็นความรู้ที่เกินคาดอีกด้วย
และที่สำคัญข้อสรุปนั้นเกิดขึ้นจากผู้เข้าอบรมหาเอง ซักถามเอง จับประเด็นเอง สรุปเอง วิเคราะห์เองทั้งหมด ไม่ใช่เป็นเนื้อหาที่ใครมาบอกเพียงคนเดียว
ก่อนแยกย้ายกลับผมแวะไปสักการะพระพุทธรูปและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่วัดสมานรัตนารามเพื่อขอพรให้มีความสุขแก่ตัวเองและครอบครัว
แท้จริงแล้วความสุขได้เกิดกับผมไปแล้วจากการได้เห็นกระบวนการเรียนรู้แนวใหม่ เป็นการเรียนรู้โดยผู้เรียนเอง โดยใช้คนทำจริงเป็นครู
ผมคิดต่อไปว่าหากระบบการศึกษาไทยเรานำเอารูปแบบนี้ไปใช้บ้าง ประเทศไทยเราคงมีระดับการพัฒนาที่ไม่น่าห่วงแบบปัจจุบันที่มีรั้งตำแหน่งระดับ ๘ ในอาเซียนแน่นอน
ขอย้ำอีกครั้งหนึ่งว่าผมไม่ใช่นักการศึกษา ไม่ใช่ครู แต่ผมคิดว่า "การเรียนรู้ไม่จำเป็นต้องสอน" เป็นจริงได้อย่างแน่นอน ถ้าคุณเป็นมืออาชีพในการออกแบบ
ผมขอยืนยันอีกครั้งหนึ่งครับ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น